- 15 ก.ย. 2561
โผล่ขอขมากรรม "สาวก้อย"แฟนคนสุดท้าย"โอ วรุฒ" โดน"พ่อแรม"สวดยับเคยขู่ไล่ไปบ้านคนชรา
จากกรณีข่าวที่สร้างความเศร้าโศกและเสียใจอย่างหนักให้กับครอบครัว เพื่อนสนิท และแฟนคลับอย่างมาก ภายหลังจาก โอ วรุฒ วรธรรม อดีตพระเอกชื่อดัง ถูกหามส่งโรงพยาบาลด่วนที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากอาการหัวใจหยุดเต้น และหมดสติ จนสุดท้ายไตวายต้องรับการฟอกไต ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีอาการป่วยไม่สบายเจ็บคอ โดยไปหาหมอได้ยามากิน แต่ก็มีอาการอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่สุดท้ายแพทย์ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ โอ วรุฒ จึงจากไปอย่างสงบด้วยวัย 49 ปี ในวันที่ 11 กันยายน เวลา 02.40 น ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ น.ส.รักษิณา สกลธศักดิ์สิริ หรือ ก้อย พยาบาลคู่ใจคนสุดท้ายในชีวิต ของ โอ วรุฒ วรธรรม ได้เดินทางมาที่ศาลาสหัท-หงษ์ มหาคุณ อนุสรณ์ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อกราบขอขมาศพ โดย น.ส.รักษิณา ร่ำไห้ต่อหน้าศพพร้อมขอให้ดวงวิญญาณของโอ วรุฒ ไปสู่สุคติภพ ขออโหสิกรรมในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยร่วมกระทำต่อกันมา โดยน.ส.รักษิณาแอบมาขอขมาหน้าศพเพียงลำพัง โดยที่ไม่ได้เข้าไปไหว้พ่อและแม่ของโอ
ด้าน นายแรม พ่อของโอ ได้เปิดใจถึงเรื่องที่ น.ส.รักษิณา แอบมากราบขอขมาศพว่า รายนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก มาอยู่ที่นี่ ขายกาแฟอะไรได้ก็เอาเงินไป โอก็นึกว่าแม่เก็บ ที่จริง ก้อยเอาไป และที่พูดครั้งสุดท้ายที่พ่อไม่ชอบ คือมันบอกว่า พ่อกับแม่แก่แล้ว อย่าไปยุ่งกับลูกค้าที่มาร้านกาแฟ เดี๋ยวจะจับส่งไปอยู่บ้านพักคนชรา พ่อไม่พอใจอย่างยิ่งที่ก้อยพูดแบบนี้ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้บอกเรื่องนี้กับลูกชาย เพราะดูเขาคล้อยตามผู้หญิงคนนั้นไปเสียหมด อีกทั้งรายได้จากธุรกิจร้านกาแฟก็ยังเอาไปหมด เรื่องนี้ทำให้โอกับแม่ถึงกับผิดใจกัน ตนรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากชีวิตลูกชายได้ "กลับไปเถอะไม่ต้องมาดูแลโอหรอก"
ที่ผ่านมาผู้หญิงคนนี้ใช้ชีวิตอยู่กับโอไม่ถึง 1 ปี โดยมาดูแลเรื่องยาให้ ซึ่งหากก้อยจะเดินทางมางานศพของลูกชาย ตนคงจะไม่ต้อนรับ เพราะทำเสียหายกับครอบครัวไว้มาก ซึ่งตัวเขาเองก็คงจะไม่กล้ามาสู้หน้าพวกตนเหมือนกัน
ขณะที่นีโน่ เมทนี เผยถึงการโพสต์เลขบัญชีลงในอินสตาแกรม พร้อมกับถ่ายรูปคู่กับเลขา เนื่องจากผู้ที่ฝากเงินจะได้ไม่ฝากผิดคน โดยไม่ได้ต้องการจะขอรับบริจาค เพียงแต่เผื่อหากใครไม่สะดวกจะมาด้วยตัวเองที่จังหวัดเชียงใหม่ก็ฝากตนมาได้ ยืนยันว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ จะนำมามอบให้กับคุณพ่อคุณแม่ของโอ วรุฒ แน่นอน ซึ่งหลังจากโพสต์ไปก็มีเงินเข้ามาเยอะจนตกใจ
ทั้งนี้ก่อนหน้านั้น นายแรมเคยเปิดใจว่า ค่าใช้จ่ายในบ้านยังมีเงินเบี้ยคนชรา คนละ 800 บาท รวมถึงเงินที่ได้จากการขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ถ้าหมดเนื้อหมดตัวจริง ๆ ก็คงต้องขายบ้าน แล้วให้ภรรยากลับไปอยู่กับน้องสาวของเขาที่กรุงเทพฯ ส่วนตัวเองก็คงจะไปอยู่กับน้องชายซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ตนเองไม่ได้มีโรคประจำตัวยังแข็งแรงดีจึงไม่น่าห่วง เดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้าพยุง แต่แม่ของโอเป็นโรคตา โรคหู เขาเคยเป็นแอร์โฮสเตสมาก่อน หูก็เลยหนวก ตาก็เป็นต้อหิน ผ่าตัดไม่ได้จึงต้องหยอดตาเอา ส่วนร้านกาแฟของลูกชายก็คงจะยกอุปกรณ์ให้กับแม่บ้านไปทำต่อ โดยจะทำที่นี่หรือเอากลับไปเมียนมาก็แล้วแต่เขา
“เงินหมดจริง ๆ ก็ต้องขายบ้าน ทุกวันนี้มีเงินจากเบี้ยผู้สูงอายุ คนละ 800 บาท และเงินจากการขายของขายกาแฟได้นิด ๆ หน่อย ๆ ส่วนเงินที่มีอยู่ตอนนี้คาดว่าจะอยู่ได้อีกประมาณ 5-6 เดือน ส่วนเรื่องรับบริจาค คงไม่ต้อง ไม่อยากไปรบกวนใครให้ใครวุ่นวายจะช่วยตัวเองก่อน”