- 16 ก.ย. 2561
หนูไม่เคยคิด! "สาวก้อย" พูดทั้งน้ำตา ไม่เคยไล่พ่อแรมไปอยู่บ้านพักคนชรา จรรยาบรรณพยาบาลค้ำคอ
จากกรณีข่าวที่สร้างความเศร้าโศกและเสียใจอย่างหนักให้กับครอบครัว เพื่อนสนิท และแฟนคลับอย่างมาก ภายหลังจาก โอ วรุฒ วรธรรม อดีตพระเอกชื่อดัง ถูกหามส่งโรงพยาบาลด่วนที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากอาการหัวใจหยุดเต้น และหมดสติ จนสุดท้ายไตวายต้องรับการฟอกไต ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีอาการป่วยไม่สบายเจ็บคอ โดยไปหาหมอได้ยามากิน แต่ก็มีอาการอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่สุดท้ายแพทย์ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ โอ วรุฒ จึงจากไปอย่างสงบด้วยวัย 49 ปี ในวันที่ 11 กันยายน เวลา 02.40 น ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น
ภาพ : AMARIN TVHD
ทั้งนี้ น.ส.รักษิณา สกลธศักดิ์สิริ หรือ ก้อย พยาบาลคู่ใจคนสุดท้ายในชีวิต ของ โอ วรุฒ วรธรรม ได้เดินทางมาที่ศาลาสหัท-หงษ์ มหาคุณ อนุสรณ์ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อกราบขอขมาศพ โดย น.ส.รักษิณา ร่ำไห้ต่อหน้าศพพร้อมขอให้ดวงวิญญาณของโอ วรุฒ ไปสู่สุคติภพ ขออโหสิกรรมในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยร่วมกระทำต่อกันมา โดยน.ส.รักษิณาแอบมาขอขมาหน้าศพเพียงลำพัง ไม่ได้เข้าไปไหว้พ่อและแม่ของโอ
ภาพ : AMARIN TVHD
พ่อแรม วรธรรม ดาราอาวุโส พ่อของ โอ วรุฒ ได้ประกาศตัดขาดกับน.ส.รักษิณา สกลธศักดิ์สิริ หรือ ก้อย เพราะนิสัยเขาไม่ดี เขาบอกว่าพ่อแม่แก่แล้ว จะจับตนไปอยู่บ้านพักคนชรา ทำให้เสียความรู้สึกมาก นอกจากนี้ ก้อยยังเอาเงินจากธุรกิจร้านกาแฟไป จนทำให้โอกับแม่เคยต้องผิดใจกันนั้น (คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : โผล่ขอขมากรรม "สาวก้อย"แฟนคนสุดท้าย"โอ วรุฒ" โดน"พ่อแรม"สวดยับเคยขู่ไล่ไปบ้านคนชรา)
ภาพ : AMARIN TVHD
ล่าสุด เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว น.ส.รักษิณา สกลธศักดิ์สิริ หรือ ก้อย ได้พูดถึงประเด็นพ่อแรม วรธรรม ประกาศตัดขาดเพราะก้อยจะจับพ่อและแม่ไปอยู่บ้านพักคนชรา รวมไปถึงการยักยอกเงินจากธุรกิจร้านกาแฟของโอ วรุฒ ไปว่า ในมุมของคนที่เป็นพยาบาล จะไม่ทำร้ายคนไข้และคนในครอบครัวของคนไข้ในทุก ๆ กรณี และตนก็มั่นใจว่าตัวเองนั้นเป็นพยาบาลที่มีจรรยาบรรณ จะไม่ทำร้ายใคร ซึ่งคุณพ่อก็มีโรคประจำตัว ส่วนคุณแม่ก็ชราภาพ ถ้าตนทำแบบนั้นอย่างที่คุณพ่อบอกจริง ๆ ก็คงไม่รู้ว่าจะเอาความเป็นคนไปไว้ที่ไหน ส่วนข่าวที่เกิดขึ้นไปแล้ว ตนก็คงไม่ทำอะไร
ก้อย ยังพูดทั้งน้ำตาอีกด้วยว่า ช่วงที่ผ่านมารู้สึกเหมือนโอมาหาตน คาดว่าเพราะจิตสุดท้ายของโอผูกติดอยู่ที่ตน ซึ่ง 3 วันก่อนที่เขาจะเสียชีวิต มีคนเห็นเขาไปนั่งรอตนที่ทำงาน ดังนั้นตนจึงเข้าไปกราบศพโอที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เพื่อขอขมาและอโหสิกรรม ขอให้ทุกอย่างเป็นโมฆะ จะได้ไม่ติดค้าง เนื่องจากตนรู้สึกได้ว่าเขาเรียกร้องหา ยอมรับว่าโอคือคนที่ตนผูกพันมากถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สามีภรรยากัน
สำหรับสาเหตุที่ตนยอมออกสื่อ ตนไม่ได้ต้องการจะเกาะกระแส แต่อยากจะนำเสนอมุมดีๆ ของ โอ ให้สังคมได้รับรู้บ้าง เช่น การเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องการเลิกเหล้าให้กับชุมชนมากมาย ประโยคหนึ่งที่เขาชอบพูดคือ สิ่งที่ทำให้เลิกเหล้าได้คือจิตใจ การที่ตนออกมาบอกในมุมนี้ จะได้ลบภาพที่คนจดจำว่าโอ วรุฒ เป็นคนติดเหล้าออกไปได้.
ชมคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ที่นี่ (คลิก)