ใหม่ล่าสุด รถเกราะป้องกันระเบิดเยี่ยม สุดทึ่ง!คนไทยทำเอง คัมมินส์420แรงม้า

จากกรณีเฟซบุ๊ก Sompong Nondhasa ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพ ถึงนวัตกรรมยานยนต์โดยบอกว่านี่เป็นฝีมือคนไทยโดยแท้ ซึ่งมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง กับผลงานล่าสุดนี้ที่ทำเพื่อคนไทย กับรถเกราะล้อยางที่จะนำไปใช้กับกองทัพไทย หรือกระทั่งว่าอาจจะสามารถผลิตนำออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศด้วย จึงขอนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์นี้ให้คนไทยได้รับทราบภาคภูมิใจกับสิ่งที่คนไทยเราทำกันเองได้

 

 

 

NEW!..รถเกราะล้อยาง 4 x 4 "HMV-420" (High Mobility Vihicle) ผลงานล่าสุดจาก Panus Assembly Co.,Ltd. ฝีมือคนไทย ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมด้วยวงเลี้ยวอิสระทั้ง 4 ล้อ ออกแบบ/วิจัยและพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับภารกิจทางทหาร สามารถลำเลียงพลพร้อมอาวุธประจำกายได้มากกว่า 10 นาย

 

 

 

 

 

มีเกราะป้องกันการโจมตีด้วยกระสุนปืนเล็กยาว และการลอบวางระเบิดของฝ่ายตรงข้าม มีระยะปฎิบัติการ 800 กม. น้ำหนัก 17 ตัน เครื่องยนต์คัมมินส์ 420 แรงม้า... พัฒนาต่อยอดมาจาก HMV-150 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างรถเกราะล้อยางขึ้นในประเทศอย่างแท้จริง..สมควรสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง

 

 

 

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ทีมข่าว Deeps Tnews ได้ตรวจสอบต่อไปว่า บริษัท พนัส แอสเซมบีย์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ใดและมีกิจการอะไรบ้าง ซึ่งพบข้อมูลเบื้องต้นว่า ที่หน้าเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่า มากกว่า 45 ปีกับประสบการณ์ของเรา พนัสก่อตั้งขึ้นในอำเภอพนัสนิคมที่จังหวัดชลบุรีประมาณ 100 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ บริษัทฯของเรา มีจุดมุ่งหมายในการผลิตอุปกรณ์การขนส่งที่มีคุณภาพมาตรฐานสูง เช่นตัวถังรถบรรทุกและรถพ่วงและรถที่เกี่ยวข้องกับให้บริการด้านขนส่งที่มีคุณภาพ 

 

 

เราได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ผลิตรถพ่วงและรถกึ่งพ่วงที่ใหญ่ติดอันดับในประเทศไทย ด้วยความสามารถและประสบการณ์ของเราที่เพิ่มขึ้น ร่วมกับมีทีมวิศวกรที่มีความสามารถสูงความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจที่เราได้รับการออกแบบและผลิตมากกว่า 400 รุ่น เรายังมีการขยายสายผลิตภัณฑ์ของเราอย่างต่อเนื่อง

 

 

รวมถึงรถบรรทุกที่ใช้ในราชการทหาร การ ย้ายเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมการบิน และเราได้มีการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมในอีกหลายพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศ โดย เป้าหมายสูงสุดของเราคือการให้โซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อลูกค้าของเราการขนส่งและโลจิสติกส์  สร้างคุณภาพภาพที่มาตรฐาน

 

 

 

 

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Sompong Nondhasa