ย้อนดู-ใครเป็นเศรษฐีข้ามคืน! หลัง"หญิงปู"ปูนบำเหน็จก้อนโต 7.75 ล้าน พบ"พะเยา"แรกๆ ฟอร์มดีอิดออดรับ-ไม่รับ สุดท้ายรวยอื้อไป

ย้อนดู-ใครเป็นเศรษฐีข้ามคืน! หลัง"หญิงปู"ปูนบำเหน็จก้อนโต 7.75 ล้าน พบ"พะเยา"แรกๆฟอร์มดีอิดออด-สุดท้ายรวยไป

ย้อนดู-ใครเป็นเศรษฐีข้ามคืน! หลัง"หญิงปู"ปูนบำเหน็จก้อนโต 7.75 ล้าน พบ"พะเยา"แรก ๆ ฟอร์มดีอิดออด รับ-ไม่รับ สุดท้ายรวยอื้อไป

 

ดูเหมือนการออกมาเคลื่อนไหวประเด็น 99 ศพเสื้อแดงเมื่อ 2 - 3 วันก่อนของ "นางพะเยาว์ อัคฮาด" หรือแม่เกดพยาบาลอาสาแดงชุมนุมปี 53 ที่ได้เดินเท้าไปทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือ ถึง "พล.อ.ประวิตร วงสุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ตรวจสอบกระแสข่าวกรณีมีนายทหารยศนายพล ไปบุกถึงสำนักอัยการ เพื่อสั่งให้ยุติการดำเนินคดีกับนายทหารที่สั่งสลายการชุมนุมของเสื้อแดงดังกล่าว จะเป็น "บูมเมอแรง" ย้อนกลับมาเล่นงานเธออยู่ไม่น้อย

 

เพราะหลังจากนั้นไม่เกิน 24 ชั่วโมง " พ.อ.วินธัย สุวารี" โฆษกกองทัพบก ก็ออกมาสวน "นางพะเยาว์" ทันทีว่า...คดีนี้กองทัพบกติดตามความความคืบหน้ามาตลอด และทหารเองก็สูญเสีย และถูกกระทำ แถมคดีมีความคืบหน้าน้อย แต่ทางเราไม่โวยวาย...เพราะต้องการรักษาบรรยากาศบ้านเมือง เพราะมองว่า...การให้ข้อมูลจะต้องระมัดระวัง ขณะที่อาววุธปืนที่หายจากการชุมนุมในครั้งนั้น ยังได้ไม่ครบ แต่เราก็ยอมที่จะไม่พูด

 

"ปัจจุบันเรื่องคดีนั้น เชื่อว่า หลายคดีที่มีองค์ประกอบพอเพียงที่จะดำเนินการทางคดีได้ และส่วนใหญ่ก็อยู่ในกระบวนการแล้ว  สำหรับคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้ถูกกระทำ ก็มีความคืบหน้าน้อย ซึ่งคณะทำงานติดตามทางคดีของกองทัพบกก็ยังติดตามอย่างใกล้ชิด  ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วยเช่นกัน " พ.อ.วินธัย ระบุ

อย่างไรก็ดี นอกจากโฆษกกองทัพบกจะออกมาย้อนเกล็ด "นางพะเยาว์" ที่พยายามเคลื่อนไหวในครั้งนี้อีกครั้งแล้ว ด้าน "นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข"
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ก็เอาคำพิพากษาคดีสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี 2553 มากางให้ดูอีกครั้งว่า...6 ศพวัดปทุมฯ ที่ "นางพะเยาว์" พยายามเคลื่อนไหวโดยอ้างว่า เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ "ลูกสาว" นั้น...แท้จริงเกิดจากฝีมือใคร...


...โดย "มัลลิกา" ยืนยันว่าคำพิพากษาฯ ระบุชัดว่า "ทหารไม่ได้ยิงประชาชน แต่ทหารและประชาชนถูกกระทำจนตาย จากกลุ่มชายจำนวนหนึ่งในชุดดำ ที่แฝงอยู่กับคนแดง ตั้งแต่สี่แยกคอกวัวจนถึงเหตุการณ์วัดปทุมฯ ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลผู้ใช้อาวุธในการชุมนุมที่คนเรียกกันว่า "ชายชุดดำ" ทั้งยังบอกด้วยว่า หากจะหาความจริงต้องหยุดอคติ ยอมรับก่อนว่า มีชายชุดดำยิงเอาศพไปนับเพื่อยกระดับเป็นจลาจล แล้วใครกันดราม่าสั่งการให้จลาจลมาจากแดนไกล"


อย่างไรก็ตาม คดี 99 ศพเสื้อแดงปี 53 นับว่ายาวนานพอสมควร และก็เป็นตราบาปให้สังคมมายาวนานเช่นกัน และที่จริงในช่วงที่ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองจากกรณีนี้ แต่ด้วยกลัวข้อครหา (ซึ่งที่จริงก็เป็นเช่นนั้น) จึงให้ครอบคลุมการชุมนุมตั้งแต่ปลายปี 48 ถึงเดือน พ.ค. 53 ไปด้วยเลย 


 


แน่นอน แม้ชีวิตคนจะเทียบไม่ได้กับราคาค่างวด แต่สำหรับผู้ชุมนุมเสื้อแดงหากตายจะได้ถึงคนละ 7.75 ล้านบาท ส่วนที่บาดเจ็บก็ลดหลั่นกันไป  ซึ่งเรื่องนี้เองนำมาสู่การชี้มูลของ ป.ป.ช. ที่ระบุว่า สิ่งที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำนั้น ไม่มีกฎหมายรองรับ และมีผู้สันทัดกรณีหลายคนร้องเตือนแล้ว โดยผู้ถูกกล่าวหาในครั้งนั้น เป็นรัฐมนตรีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ทั้งคณะ รวมถึง 34 คน

 

การจ่ายเงินครั้งนั้นเป็นข่าวใหญ่โต เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2555 หรือหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมพฤษภาคม 2553 ผ่านไปแล้ว 2 ปี และจะว่าไปแล้วเรื่องนี้แทบเป็นภาระกิจแรก ๆ ที่ ครม.ยิ่งลักษณ์ผลักดันหลังเข้าจัดตั้งรัฐบาล

 

โดยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีมอบเงินเยียวยาแก่ผู้เสียหายอย่างที่กล่าวเมื่อวันที่ 24 พ.ค.2555 โดยนายยงยุทธ อ้างในวันนั้นว่า การเยียวยาครั้งนี้จะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการสร้างความปรองดองในชาติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นโดยที่รัฐไม่สามารถป้องกันได้ รัฐบาลจึงมีหน้าที่เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยรัฐบาลต้องดำเนินการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชาติเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ 
       

“การจ่ายเงินเยียวยาเพื่อมนุษยธรรมในวันนี้ไม่สามารถลบล้างความสูญเสียทั้งหมดให้หายสิ้นไปได้ แต่อย่างน้อยจะสามารถทำให้ประคับประคองชีวิตครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ดำเนินชีวิตก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้าได้อย่างปกติสุข” นายยงยุทธ อ้าง

 

อย่างไรก็ตาม รอบแรกที่นายยงยุทธ มอบเงินนั้น มีผู้เข้ารับมอบเงินเยียวยา 524 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตมีจำนวน 44 ศพ ญาติจะได้จากกรณีนี้ 7.75 ล้านเต็มๆ โดยผู้ได้รับเงินจะได้รับเป็น 2 ส่วน แบ่งเป็นเช็คเงินสด 3 ล้านบาทหนึ่งฉบับ (กรณีเสียชีวิต) ตามหลัก และสั่งจ่ายในรูปแบบสลากออมสินตามจำนวนเงินที่เหลือ (ลดหลั่นกับไปตามเงื่อนไข)

 

ขณะที่หนึ่งในผู้รับเงินก้อนใหญ่ก็คือ "นางพะเยาว์ อัคฮาด" ผู้ที่ยังคงเคลื่อนไหวในวันนี้นั่นเอง โดยตอนแรกนางพะเยา ทำอิดออดที่จะรับเงินเยียวยา และตั้งท่าจะฟ้องแพ่ง และเรียกร้องค่าเสียหายจาการเสียชีวิตของลูกสาวสุดท้ายก็ถอนฟ้อง และรับเช็คเงินสดเข้ากระเป๋าไป โดยนายยงยุทธ ตอบผู้สื่อข่าวกรณีนี้ในวันนั้นว่า "ครอบครัวอัคฮาด" เรื่องการฟ้องร้องดังกล่าว ได้ทำความเข้าใจแล้ว จะพูดแต่ข้อกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพูดถึงความเข้าใจด้วย จากการพูดคุยครั้งนี้ ครอบครัว น.ส.กมนเกด ยอมรับเงินเยียวยาจากรัฐบาลแล้ว และจะไม่ฟ้องร้องหน่วยงานภาครัฐอีก

 
ด้าน นางพะเยา เอ่ยปากถึงเรื่องนี้ในวันนั้นเองว่า ฝ่ายรัฐบาลได้ชี้แจงสิ่งที่ไม่เคยอธิบายต่อประชาชนว่า มีรายละเอียดและขั้นตอนต่างๆ อย่างไรบ้าง "ทำให้พวกเราเข้าใจแล้ว และรับได้" อีกทั้งเรายังมีสิทธิ์ฟ้องทางแพ่งได้ ส่วนจะฟ้องใครบ้างนั้นต้องขอปรึกษาทนายความก่อน สำหรับปัญหานี้เกิดจากความไม่เข้าใจ และการไม่สื่อสารในรายละเอียดให้ประชาชนรับทราบตั้งแต่แรก

 

ถ้อยคำที่นางพะเยา ระบุเองในวันนั้นว่า "ทำให้พวกเราเข้าใจแล้ว และรับได้" ทำให้พอจะอนุมานอะไรได้หลายอย่าง อย่างน้อยก็เห็นความเป็นเนื้อเดียวกันของ อัคฮาด-เสื้อแดง-และพรรคเพื่อไทย แต่เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิด ไม่ใช่ว่ารับเงินแล้วจบ ๆ กันไป เพราะเรื่องนี้หลายฝ่ายก็ท้วงติงแต่แรกแล้วว่า มันส่อผิดกฎหมาย และเป็นตัวเลขที่มากเกินจริง การเยียวยาทำได้ แต่ต้องอยู่บนสมมติฐานที่เป็นจริง ไม่ใช่นึกอยากจะให้เท่าไหร่ก็ได้ และจากการเปิดผลการวิจัยทั่วโลกเกี่ยวกับการเยียวยาการขัดแย้งทางการเมือง ก็ไม่เคยมีประเทศใดจ่ายสูงขนาดนี้มาก่อน เพราะมันเป็นดาบ 2 คม ทำให้ "ผู้คนในม็อบ" กลายเป็นคนบ้าคลั่งได้ เพราะมีเงินก้อนใหญ่ล่ออยู่ตรงหน้า และทันทีที่เกิดการจ่ายเงินเยียวยา ฝ่ายค้านในขณะนั้นก็ยื่นฟ้องรัฐบาล เพราะการจ่ายเงินไม่มีกฎหมายรองรับอย่างที่กล่าว

 
...และนำมาซึ่งการตายหมู่ของรัฐบาลหญิงปู ตามที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูล...แต่เวลาก็ล่วงเลยมาจน 5-6 ปีเข้านี่แล้ว...และบางคนก็ กลายเป็นเศรษฐีนีใช้ชีวิตอู้ฟู่จากเงินก้อนโต 7.75 ล้านบาทไปแล้ว...มีภาพหลุดทางออนไลน์ด้วยซ้ำว่า...หลังรับเงินก้อนโต..."นางพะเยา" ไปโผล่ใช้ชีวิตหรูที่...ยุโรป...แม้เจ้าตัวและแกนนำแดงปีกเดียวกับเธอจะอ้างว่า...ที่ไปนั่น เพราะต้องไปฟ้องศาลโลกต่อรัฐไทย...กรณีนี้ก็ตาม