"เจิมศักดิ์"กระตุ้นรัฐบาลไทย ปล่อย"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ย่ำยีระบบยุติธรรมไทย ได้อย่างไร?

สืบเนื่องจากกรณีคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่พิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร (ขณะนั้น) ซื้อที่ดินรัชดาจำนวน 33 ไร่78 ตารางวา ในราคา 772 ล้านบาทจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2561 นั้น โดยศาลฎีกาฯ ได้มีคำพิพากษาให้จำคุก "นายทักษิณ" 2 ปี ไม่รอลงอาญา  ก่อนหน้าวันที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาไม่กี่วัน ทักษิณก็ได้หลบหนีคำตัดสินดังกล่าวอยู่นอกต่างประเทศนั้นซึ่งขณะนี้กำลังจะสิ้นสุดอายุความแล้ว

 

ล่าสุดทางด้านของดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ออกมาวิเคราะห์ถึงความเคลื่อนของนายทักษิณ ขณะนี้ โดยระบุว่า...

 

โทษจำคุกทักษิณ..จะหมดอายุความ 21 ต.ค.61

 

หลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องโทษอาญา ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผุ้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปี ออกมาเขียนหนังสือผ่านแฟนเพจอย่างเป็นทางการของตนเอง โจมตีการทำรัฐประหาร 2 ครั้ง ในข่วง 12 ปีที่แล้ว และโอดครวญขอความเห็นใจว่าถูกกลั่นแกล้ง ขณะเดียวกัน ก็ออกตัวว่าอายุ 70 ปี แต่ยังมีประสบการณ์มาก อยากทำประโยชน์ให้ประเทศไทย พร้อมจะอโหสิกรรมและปรองดอง

 

​ขณะเดียวกัน ได้ส่งข้อความเล่นงานทหารใหญ่ อดีต ผบ.ทบ. "บิ๊กป้อม" ต่อกรณีที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าบ้านเมืองวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้เพราะใคร? เอาคดีตัวเองให้รอดก่อน โดยทักษิณเปิดโปงความหลังว่า "ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนมาเกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ.เลย" และได้นำรูป พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ.เดินตามตัวเองมาลงประกอบด้วย

 

 

​นับเป็นท่าทีการเคลื่อนไหวที่คึกคักเป็นพิเศษ เล่นงานโจมตีกองทัพ และอดีต ผบ.ทบ.ที่มีอำนาจในปัจจุบัน ดูผิดสังเกตที่น่าจะได้ "รู้ทันทักษิณ"

หลังจากที่ได้สืบเสาะสอบถาม ตรวจค้นข้อมูลคดีอาญาที่ทักษิณถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี ในคดีที่ดินรัชดา ที่ "ผัวขาย เมียซื้อ" ที่ดินของรัฐ บริเวณใกล้ศูนย์วัฒนธรรม จำนวน 33 ไร่78 ตารางวา ในราคาต่ำมากเพียง 772 ล้านบาท

 

 

​กรณีนี้ เป็นการทุจริตที่นายกรัฐมนตรีมีส่วนได้เสียในการทำสัญญาซื้อขายที่ดินรัชดา เกิดขึ้นจากการค้นพบของพรรคประชาธิปัตย์และได้อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะที่ผมเป็นสมาชิกวุฒิสภาในขณะนั้นได้หยิบยกพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. มาตรา 100 ขึ้นแสดงความเป็นห่วงว่าอาจขัดต่อกฎหมายที่ห้ามรัฐมนตรีมีผลประโยชน์ขัดกันระหว่างรัฐและตนเอง หรือคู่ครอง ต่อมา นายวีระ สมความคิด ได้นำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อกองปราบปรามและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต ทั้งหมดเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 22 ก.ย.2549 หลังจากนั้น คตส.ได้หยิบยกขึ้นไต่สวนชี้มูลความผิด ส่งให้อัยการฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จนเป็นเหตุให้นายทักษิณต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศก่อนศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี เพียงไม่กี่วัน ศาลฎีกาฯ ได้มีคำพิพากษาให้จำคุกนายทักษิณ เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2551 กำหนดโทษจำคุก 2 ปี และนายทักษิณได้หนีการลงโทษไปอยู่ต่างประเทศตลอดมา อายุความที่จะต้องติดตามตัวมารับโทษตามคำพิพากษา กำลังจะหมดลงในวันที่ 21 ต.ค. 2561 เดือนหน้านี้ มิฉะนั้น ทักษิณจะรอดพ้นจากการจำคุก เพราะถือเป็นการขาดอายุความ 10 ปี นับจากวันพิพากษาของศาลฎีกาฯ

 

 

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 98 เมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษผู้ใด ผู้นั้นยังไม่ได้รับโทษก็ดี ได้รับโทษแต่ยังไม่ครบถ้วนโดยหลบหนีก็ดี ถ้ายังมิได้ตัวผู้นั้นมาเพื่อรับโทษนับตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดหรือนับแต่วันที่ผู้กระทำความผิดหลบหนี แล้วแต่กรณี เกิดกำหนดเวลาดังต่อไปนี้ เป็นอันล่วงเลยการลงโทษ จะลงโทษผู้นั้นมิได้

​(1) ยี่สิบปี สำหรับโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตและจำคุกยี่สิบปี

​(2) สิบห้าปี สำหรับโทษจำคุกกว่าเจ็ดปี แต่ยังไม่ถึงยี่สิบปี

​(3) สิบปี สำหรับโทษจำคุกกว่าหนึ่งปีถึงเจ็ดปี

​(4) ห้าปี สำหรับโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปี ลงมา หรือโทษอย่างอื่น

​แปลว่า อายุความการลงโทษนายทักษิณจะครบสิบปี วันที่ 21 ตุลาคม 2561 อีกไม่ถึงเดือนข้างหน้านี้ ก็จะหมดอายุความสำหรับการลงโทษตามคดีที่ดินรัชดา และทักษิณก็จะลอยนวล

 

 

ทั้งหมดนี้ สะท้อนได้หรือไม่ ว่ารัฐไทยไม่จริงจังในการจับตัวคนทำผิดมาลงโทษ ทำไม?

​สิ่งนี้ กำหนดการนี้ นายทักษิณรู้ชะตากรรมตนได้ว่าจะรอดพ้นโทษอาญาในวันที่ 21 ต.ค.นี้ จึงย่ามใจ คึกคัก ออกมาเล่นงานกองทัพและทหารในวันที่ 12 กันยายนก่อนหน้านี้

​หรือจะเป็นเพราะนายทักษิณอ่านเกมออกว่า รัฐบาลทหารชุดนี้ไม่จัดการกับระบอบทักษิณจริงจัง ขนาดยิ่งลักษณ์ น้องสาว ยังสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐนำพาออกต่างแดน (และในขณะนี้ เจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นก็ยังมิได้ถูกลงโทษจริงจัง)

 

​คำถามถัดมาที่ผู้คนคาใจ ก็คือ

​1) นายทักษิณยังถูกหมายจับอีกหลายคดี ไม่ว่าจะเป็น

​คดีทุจริตให้ Exim Bank ปล่อยกู้รัฐบาลทหารพม่าเพื่อซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจากชินคอร์ป

​คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อ 9 พันล้านบาท ให้บริษัทในเครือกฤษดามหานคร

​คดีออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต เพื่อเอื้อประโยชน์ชินคอร์ปฯ

​คดีหวยบนดิน ออกสลากเลขท้ายสองตัวสามตัวโดยมิชอบ

​คดีเหล่านี้ ศาลได้ออกหมายจับแล้ว แต่ก็เป็นเพียงหมายจับให้มาต่อสู้คดีในศาล หากนายทักษิณเดินทางกลับมาสู้คดี ก็อาจได้ประกันตัวสู้คดี

​

 

​2) กฎหมายใหม่ที่จะไม่นับอายุความในการหลบหนีจากคดีทุจริต จะใช้ได้กับคดีทุจริตที่ดินรัชดาหรือไม่? หรืออาจพูดได้ว่า อายุความคดีทุจริตที่ผู้ต้องโทษหลบหนีจะไม่มีวันหมดอายุความ ก็คงจะใช้กับกรณีนี้ไม่ได้ เพราะกฎหมายดังกล่าวออกภายหลังคำพิพากษา 21 ต.ค.2551 ซึ่งกรณียิ่งลักษณ์ ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 5 ปี จึงสามารถนำกฎหมายใหม่มาบังคับได้ ซึ่งหมายความว่ายิ่งลักษณ์น่าจะต้องหลบหนีอาญาแผ่นดิน หลบหนีการจำคุกไปตลอดชีวิต

 

​3) นายทักษิณที่อยู่ในวัยย่าง 70 ปี จะยังแสวงหาอำนาจ แสวงหาชัยชนะ ผ่านมวลชน กองกำลัง และพรรคการเมืองอีกต่อไปมากน้อยแค่ไหน?

 

​พรรคการเมืองที่แตกตัว ออกจับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน จะประสบความสำเร็จหรือไม่? พรรคอนาคตใหม่จะประสบความสำเร็จหาเสียงกับคนรุ่นใหม่ (18-24ปี) ที่มีโอกาสเลือกตั้งครั้งแรกหรือไม่? พรรคประชาชาติจะประสบความสำเร็จต่อพี่น้องมุสลิม 3 จังวัดภาคใต้หรือไม่? (ขึ้นอยู่กับว่าชาวมุสลิมยังจำเหตุการณ์กรือเซะ ตากใบ ได้มากน้อยแค่ไหน) พรรคเพื่อไทยยังกุมฐานเสียงในภาคเหนือและภาคอีสานได้แค่ไหน? หรือถูกดูด ถูกเจาะไปหมดแล้ว และยังมีพรรคสาขาพรรคนอมินีของระบอบนี้ที่ซ่อนตัวอยู่อีกมากน้อยแค่ไหน?

​

ผู้ที่เป็นรัฎฐาธิปัตย์มา 2 ครั้ง ในช่วง 12 ปี ได้อำนาจรัฐแล้วปล่อยให้คนตระกูลชินวัตร 2 คน หลบหนีลอยนวลอยู่ต่างประเทศ ย่ำยีเย้ยหยันระบบยุติธรรมของบ้านเมือง ได้อย่างไร? จนถึงขนาดว่าคดีทุจริตที่ดินรัชดา ที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2551 กำลังจะหมดอายุความลงในวันที่ 21 ต.ค. 2561 นี้แล้ว อธิบายให้สังคมกระจ่างได้ไหมครับ?