เปิดให้รู้ แม่ชีปลงผม-ไม่ปลงผม ต่างกันอย่างไร อนุโมทนา เอมี่ เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

 

    จากอดีตนางเอกสาว อาเมเรีย จาคอป หรือ เอมี่ ผู้เลือกเส้นทางเดินผิดเข้าไปพัวพันกับคดียาเสพติด และได้รับอิสระภาพภายหลังชดใช้กรรมในเรือนจำตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด 27 ก.ย. 2561 มีรายงานว่า เอมี่ ได้ตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ปลงผมบวชชีที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.ปราจีนบุรี โดยไม่มีกำหนดสึก ซึ่งทางเจ้าตัวให้เหตุผลว่าต้องการบวชเพื่อทดแทนบุญคุณบุพการี และเสียใจที่ทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อนและขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งอดีตและปัจจุบัน และขอให้บุญกุศลในการบวชครั้งนี้ทั้งหมดตกแก่ทุกคนทั้งที่หวังดี ส่วนคนที่หวังร้ายก็ขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น

 

 

 

    อย่างไรก็ตามการบวชชีนั้นมีทั้งแบบปลงผม และไม่ปลงผม (ชีพราหมณ์) ซึ่งมีประวัติความเป็นมาแท้จริงแล้วในสมัยพระพุทธกาล หาได้มีแม่ชี เช่นเดียวกับปัจจุบัน สมณะเพศของนักบวชในศาสนาพุทธมีเพียง พระภิกษุ พระภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา เท่านั้น

 

    พระภิกษุณี เป็นคำใช้เรียกนักพรตหญิงในศาสนาพุทธ คู่กับภิกษุที่หมายถึงนักพรตชายในพระพุทธศาสนา โดยพระภิกษุณีมีศีล 311 ข้อ ในขณะที่พระภิกษุมีศีลเพียง 227 ข้อเท่านั้น เนื่องจากในสมัยพุทธกาลไม่เคยมีศาสนาใดอนุญาตให้ผู้หญิงเข้ามาเป็นนักบวชมาก่อน และการตั้งภิกษุณีสงฆ์ควบคู่กับภิกษุสงฆ์อาจเกิดข้อครหาที่จะเป็นอันตรายร้ายแรงต่อการประพฤติพรหมจรรย์และพระพุทธศาสนาได้ หากได้บุคคลที่ไม่มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนาเข้ามาเป็นนักบวช

 

 

    ทว่าการบวชเป็น พระภิกษุณี นั้นมีข้อพึงปฏิบัติที่เคร่งครัดและด้วยเงื่อนไขที่บางประการรวมถึงข้อวินัยและการทำสังฆกรรมบวชภิกษุณีที่ไม่ถูกต้องกับพระไตรปิฎก เป็นเหตุให้พระภิกษุณีเลือนหายไปจากพระพุทธศาสนาในที่สุด ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมี คนบวชเป็นภิกษุณีหลายรูปแล้วเช่นกัน แต่คณะสงฆ์ไทยไม่ยอมรับเป็นภิกษุณีสงฆ์เพราะสาเหตุข้างต้น

 

 

 

    อย่างไรก็ตามได้ปรากฏว่ายังมีพุทธศาสนิกชนที่ยังคงเคร่งครัดในศีล เข้าใจเหตุผลในเรื่องการรักษาศีล ประพฤติเพื่อพรหมจรรย์ ดังนั้นอุบาสิกาผู้ใคร่จะถือศีลให้สะดวก หนักแน่นกว่าการเป็นฆราวาส จึงกระทำตนให้เป็นนักบวช เรียกว่า บวชชี โดยมิได้มีฐานะเป็นนักบวช แต่เป็นอุบาสิกาที่เพียรประพฤติศีลให้เข้าถึงความมั่นคง จึงมีการปลงผมถือการนุ่งห่มด้วยผ้านุ่งห่มสีขาวทำจิตใจให้บริสุทธิ์แล้วเพียรในการรักษาอุโบสถศีลหรือศีลแปด 

 

    โดยผู้ที่ปลงผมจะเป็นผู้ที่ตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์แบบถาวร ส่วนผู้ที่ต้องการถือศีลศึกษาพระธรรมเป็นการชั่วคราวหรือยังคงมีภาระทางโลกก็จะไม่ปลงผม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองล้วนแต่ต้องยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ประพฤติประฏิบัติตนไม่แตกต่างกัน ส่วนระเบียบในการขอบวชชีนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละวัด

    โดยมีหลักสำคัญคือ ถือเครื่องสักการะเข้าไปหาพระสงฆ์ และกล่าวคำขอบวชทำความเข้าใจในศีลดังนี้

 

ศีล คือ ความประพฤติองค์แห่งจรรยา หรือข้อบัญญัติสำหรับความประพฤติ ซึ่งศีล 8 ที่แม่ชีต้องสมาทานรับมาปฏิบัติมีอยู่ด้วยกันดังนี้

 

1.ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ : เว้นจากการฆ่าสัตว์
2.อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ : เว้นจากการขโมยสิ่งของที่คนอื่นไม่ได้ให้
3.อะ พรัหมะจะริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ : เว้นจากการประพฤติผิดพรหมจรรย์​ เว้นจากเรื่องที่ทำให้จิตเศร้าหมอง
4.มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ : เว้นจากการพูดโกหก ไม่พูดหยาบคาย ส่อเสียด เพ้อเจ้อ ซึ่งเป็นสัมมาวาจา
5.สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ : เว้นจากการกินเหล้า ที่เป็นที่ตั้งของความไม่ระมัดระวัง
6.วิกาละโภชะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ : เว้นจากการกินในยามวิกาล (หลังเที่ยงวันถึงรุ่งเช้าของวันใหม่)
7.นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนา มาลาคันธะวิเลปะนะ
ธาระณะ มัณฑะนะวิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยา : เว้นจากการฟ้อนรำขับร้อง ประโคมดนตรี และประดับร่างกายด้วยดอกไม้ของหอม เครื่องประดับ เครื่องทา เครื่องย้อม
8.อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ : เว้นจากการนั่งนอนเหนือเตียงตั่ง ที่เท้าสูงเกิน ภายในมีนุ่นหรือสำลี

 

 

 

    อย่างไรแล้วก็หวังว่าแม่ชีอาเมเรีย จะรักษาและตั้งมั่นไว้ซึ่งเจตนาอันประเสริฐ ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พุทธศาสนิกชนหันหน้าเข้าสู่ทางธรรม เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป