- 10 ต.ค. 2561
อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ 13 ตุลาคม ครบกำหนด 2 ปี วันที่พสกนิกรชาวไทยทั่วแผ่นดินโศกาหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตรเสด็จสวรรคตยังความโศกเศร้าไปทั่วทิศดินแดนสยาม ในครั้งนี้เวียนมาบรรจบครบอีกครั้งกับวันคล้ายวันวิปโยคของพสกนิกรชาวไทย ในกาลนี้เราจะพา
อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ 13 ตุลาคม ครบกำหนด 2 ปี วันที่พสกนิกรชาวไทยทั่วแผ่นดินโศกาหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตรเสด็จสวรรคตยังความโศกเศร้าไปทั่วทิศดินแดนสยาม ในครั้งนี้เวียนมาบรรจบครบอีกครั้งกับวันคล้ายวันวิปโยคของพสกนิกรชาวไทย ในกาลนี้เราจะพาทุกท่านไปย้อนชมเรื่องราวเมื่อครั้งอดีตขณะ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพในสายสกุลมหิดลอันเป็นสายหนึ่งในราชวงศ์จักรี ณ โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น เมืองเคมบริจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น 12 ค่ำ ปีเถาะ นพศก จุลศักราช 1289 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ตามปฎิทินสากล
ในการนี้เมื่อครั้งแรกประสูติ มีพระโหราธิบดี (แหยม วัชรโชติ) ได้ทำการผูกดวงตามพระบรมราชสมภพ ดั่งที่ปรากฎไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในหนังสือราชกิจจานุเบกษาฉบับจดหมายเหตุ ที่กรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวบรวม เรียบเรียงเอาไว้และหม่อมราชวงศ์ เทวาธิราช ป.มาลากุล สมุหพระราชพิธี เป็นผู้ตรวจสอบพิมพ์และเผยแพร่เมื่อ พ.ศ. 2493 โดยเนื้อความมีรายละเอียดดังนี้
"พระราชสมภพ วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พุทธศาสนายุกาล 2470 ตรงกับ ณ วันที่ 2 12ฯ 1ค่ำ ปีเถาะ นพศก จุลศักราช 1289 เวลา 8 นาฬิกา 45 นาที (2 โมงเช้า 45 นาที เวลาที่กรุงเทพฯ) พระลัคนาสถิตราศีธนู ตติบนวางค 7 ปฐม ตรียางค 6 เชฐฤกษ์ 18 ประกอบด้วย สมณแห่งฤกษ์"
หากแปลอย่างตรงตัวทางพระโหราธิบดี ได้วางพระลัคนาไว้ที่ราศีธนู พระเกตุสถิตราศีมังกร พฤหัสบดีกับมฤตยู สถิตราศีมีน พระจันทร์สถิตราศีเมษ พระราหูสถิตราศีพฤษก พระศุกร์สถิตราศีตุล พระอาทิตย์ พระอังคาร พระพุธ และพระเสาร์ สถิตราศีพิจิก ในการนี้ทางโหราจารย์ ผู้ที่ทำนายและวางพระชะตาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทำนายทายทักไว้ว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นเทพลงมาจุติ ด้วยการนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงเป็นเทพผู้สถิตอยู่เหนือดวง ทรงบังคับบัญชาดวงได้
ในวันประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 นั้น ดวงพระราชสมภพเป็นเครื่องสูงองค์หนึ่งที่ประกอบการราชพิธี ก่อนถึงวันประกอบพระราชพิธีราชาภิเษก เจ้าพนักงาน อาลักษณ์เชิญดวงพระบรมราชสมภพพร้อมด้วยพระสุพรรณบัฏและพระราชลัญจกรประจำรัชกาลออกจากพระอุโบสถวัดพระศรีพระรัตนศาสดาราม อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระแท่นมณฑล ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
จากจารึกที่บันทึกไว้ดวงพระราชสมภพ นั้นมีพระราชพิธี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามพร้อมกันนี้ได้จารึกพระสุพรรณบัฎ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล ด้วยกาลนี้เองวันพระราชพิธีราชสมภพ จึงมีกำหนดขึ้นในวันที่ 21 - 22 เมษายน 2493 โดยพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (โสม ฉนฺน) แห่งวัดสุทัศน์เทพวราราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในขณะนั้น นอกจากนี้ยังมีพระวรวงศ์เธอพระองศ์เจ้าธานีนิวัต ทรงเดินทางมาเป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ และพระครูวามเทพมุนี (สวาสดิ์ รังสิพราหมณกุล) มาเป็นพรามณ์ในพิธี
ทั้งนี้ทางด้านพระยาโหราธิบดีมีหน้าที่จารึกดวงพระชะตาวันพระราชสมภพบบแผ่นทองคำ ด้านหม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร ผู้เป็นศิลปินทำหน้าที่แกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล และหลวงบรรเจิดอักษรการ หัวหน้ากองประกาศิต ทำหน้าที่อาลักษณ์ จารึกอักษรพระปรมาภิไธยว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร" ลงในพระสุพรรณบัฏแผ่นทองเนื้อ 8 กว้าง 17 ซม. ยาว 31.5 ซม. หนัก 192.500 กรัม ที่ว่าทองเนื้อ 8 นี้ เป็นการกำหนดความบริสุทธิ์ของทองคำตามประกาศรัชกาลที่ 4 กำหนดคุณภาพของเนื้อ ตั้งแต่เนื้อ 4 ถึงเนื้อ 9 โดยตั้งพิกัดราคาตามเนื้อทอง เช่นทองเนื้อ 4 คือทองหนัก 1 บาท ราคา 4 บาท ทองเนื้อ 9 ก็คือทองหนัก 1 บาท ราคา 9 บาท
ทองเนื้อ 9 เป็นทองคำบริสุทธิ์ มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น ทองชมพูนุช ทองธรรมชาติ หรือทองนพคุณเก้าน้ำ และ ทองเนื้อ 9 เป็นทองที่เนื้ออ่อนมาก เอามาทำทองรูปพรรณหรือเครื่องใช้ไม่ได้ จำเป็นต้องเจือด้วยโลหะอื่นบ้างถึงจะแข็งพอใช้งานได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ มีพระบรมราชโองการว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" และพระราชครูวามเทพมุนี รับพระบรมราชโองการด้วยภาษามคธว่า... " โอมฺ เทวสฺส อิมฺ โองฺการภูตํ สูรสีหนาททํ สมฺปฏิจฺฉามิ" กราบบังคมทูลเป็นภาษาไทยว่า "ข้าพระพุทธเจ้า ขอรับพระราชโองการสุรสิงหนาท ประถมธรรมิกราชวาจา ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ"
ทั้งหมดนั้นคือ "ดวงพระราชสมภพ" และพระราชพิธีการจารึก ดวงพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งพระองศ์ทรงสถิตอยู่เหนือดวง ทรงบังคับบัญชาดวงเพื่อพสกนิกรของพระองค์ ทรงอุทิศพระราชหฤทัยและพระวรกายด้วยความเหน็ดเหนื่อย ฝ่าฟันอุปสรรคอันตรายนาๆ ประการ ทรงงานเพื่อความสุขสมบูรณ์ของราษฎรและความเจริญมั่นคงของบ้านเมืองตลอดมาด้วยระยะเวลานั้นจนถึงครั้งสิ้นรัชกาลของพระองศ์เอง ยังความโศกาให้พสกนิกรชาวไทยทั่วแผ่นดิน ได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้กับพระมหากษัตริย์ ผู้เป็นดั่งสมมติเทพ มาสร้างความเจริญให้ประชาชนชาวสยามได้ประจักษ์รู้
ขอบคุณข้อมูลจาก บางกอกแบงค์เอสเอ็มอีดอทคอม
ภาพและข้อมูลจาก: หนังสือต่วยตูน ปักษ์แรก ธ.ค. 50