- 18 ต.ค. 2561
ณ เวลานี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักหญิงวัยกลางคน ผู้เป็นประหนึ่งนักวิจารณ์ฝีปากกล้า ลีน่าจัง หรือลีนา จังจรรจา อดีตพิธีกรชื่อดัง ผู้มีความถนัดในการ "วิจารณ์" ทุกเรื่อง หากยกเว้น "เรื่องตัวเอง" ด้วยเอกลักษณ์การพูดจาแบบ "ขวานผ่าซาก"
ณ เวลานี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักหญิงวัยกลางคน ผู้เป็นประหนึ่งนักวิจารณ์ฝีปากกล้า ลีน่าจัง หรือลีนา จังจรรจา อดีตพิธีกรชื่อดัง ผู้มีความถนัดในการ "วิจารณ์" ทุกเรื่อง หากยกเว้น "เรื่องตัวเอง" ด้วยเอกลักษณ์การพูดจาแบบ "ขวานผ่าซาก" อย่างไม่มีอะไรจะเสีย พร้อมด้วยอาการ "คุ้มดีคุ้มร้าย" เหล่านี้ล้วนเป็น "แบรนด์" ประจำตัวที่ทำให้สังคมต่างให้ความสนใจในและจับตามองอย่างใกล้ชิด แม้บางเรื่องราวที่เธอจุดประกายอาจไม่ประเทืองปัญญา จนทำให้เกิดกระแสด้านลบอยู่บ้าง
ชื่อเสียงของลีน่าจัง ไม่หยุดอยู่แต่เพียงชายขอบวงการบันเทิงเท่านั้น เพราะก่อนหน้าครั้งหนึ่งเคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในปี 2547 , 2551 และ 2552 ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคมหาประชาชน ทำให้เธอสำคัญตนถึงประสบการณ์ทางการเมือง (ที่ไม่ประสบความสำเร็จ) ลีน่าจังได้พยายามหันเหชีวิตเข้าสู่เส้นทางการเมืองอีกครั้ง ด้วยการวิจารณ์รัฐบาล คสช. อย่างเผ็ดร้อน
และในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2562 ตามปฏิทินโรดแม็พ หลังจาก "คลายล็อค" พรรคการเมือง ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้สังคมบางกลุ่มโดยเฉพาะแฟนคลับต่างพุ่งเป้าให้ความสนใจในตัวเธอมากขึ้น เพราะต่างคาดหวังว่าเธอจะเป็นสีสันในเกมการเมือง ด้วยปรากฏชื่อลีน่าจัง อยู่ในรายชื่อผู้สมัครในศึกเลือกตั้งที่จะถึงนี้
กับความคืบหน้าล่าสุดภายหลัง ลีน่าจัง ได้ทำการไลฟ์สดใบหน้าของตัวเองในเพจของเธอ ด้วยรูปลักษณ์ที่ต่างไปจากเดิม มีลักษณะหน้าบวมประหนึ่งโดนแมลงสัตว์กัดต่อย จนทำให้เหล่าแฟนคลับต่างฉงนสงสัยไปตามๆ กัน ซึ่งลีน่าจังเผยว่า ไปฉีดไขมันที่หน้ามา ราคา 35,000 บาท และหน้าจะบวมไปอย่างนี้ประมาณ 30 วัน ซึ่งขณะนี้เพิ่งทำมาได้ครบ 1 สัปดาห์ พอดีแต่เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วหน้าจะดูอ่อนกว่าวัยไป 30 ปี โดยช่วงนี้ ห้ามกินของร้อน เพราะไขมันจะละลาย
จากการไลฟ์สดบนเพจ "ข่าวโหด" วันที่ 18 ต.ค. ซึ่งเป็นเพจของลีน่าจัง ส่วนใหญ่จะเป็นการรับประทานอาหารให้แฟนคลับได้ดู โดยอาหารในวันนี้เป็นก๋วยเตี๊ยวสุโขทัยที่เจ้าตัวยืนยันว่าเป็นเจ้าอร่อย พร้อมกันนั้นได้กล่าวถึงประเด็นที่น่าสนใจ กรณีลูกเพจของพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง เลขาฯ พรรค เนื่องจากไม่ต้องการให้ นางสุดารัตน์เป็นหัวหน้าพรรค เพราะนางสุดารัตน์เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ ซึ่งทางลีน่าจังก็ยืนยันว่าเป็นไปตามที่วิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
และเห็นพ้องต้องกับแฟนคลับที่คอมเม้นในทำนองว่า ทุกรัฐบาลล้วนคอรัปชั่นไม่เว้นแต่รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร โดยเฉพาะการเปิดแฟนเพจของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ที่ตนได้เข้าไปดูและเห็นว่ามีกระแสเชิงลบมากกว่าชื่นชม พร้อมแสดงความเห็นว่านายกฯ น่าจะจ้างคนมาคอมเม้นเพื่อเชียร์เป็นพันคน และกล่าวต่อว่าเห็นใจและสงสาร บก.ลายจุด หนึ่งในผู้แสดงออกต่อต้าน คสช. ว่าแท้จริงแล้ว ทักษิณ ควรจะสนับสนุน บก.ลายจุด เข้าพรรคเพื่อไทย
ส่วนในกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั้น ลีน่าจังให้ความเห็นว่า อย่างมากเป็นได้แค่เพียง ส.ส. ไม่สามารถเป็นนายกได้เพราะบารมียังไม่ถึง หรือมิเช่นนั้นก็อาจต้องติดคุกเพราะทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังมีการให้ร้ายประเทศไทยในต่างแดน ซึ่งในส่วนนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีคดีหรือไม่
สำหรับพรรคไหนที่มีโอกาสจะชนะเลือกตั้งครั้งหน้านั้น ลีน่าจัง ยืนยันว่าน่าจะเป็น พรรคเพื่อไทย แต่หากนางสุดารัตน์ เรียกเงินจาก ส.ส. คนละ 10 ล้าน คนอาจหนีไปพรรคพลังประชารัฐกันหมด ถ้าเป็นเช่นนั้น หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้เป็นนายกฯ อีกสมัย เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์รวมกับพรรคพลังประชารัฐ และมีพรรคย่อยซึ่งรวมกันได้ทั้งหมด 5 พรรค อีกทั้งยังมี ส.ว.อีก 250 คน อันเป็นตัวแปรสำคัญ ที่รอสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมาจาก คสช. ส่วนกรณีของ ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้เป็น ส.ส. ของพรรคพลังท้องถิ่นไทยอย่างแน่นอน
อีกหนึ่งประเด็นอันน่าสนใจที่ ลีน่าจัง หยิบยกมาพูด คือเรื่องท่าทีของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. พล.อ. ภายหลังที่สื่อมวลชนถามเรื่องแนวโน้มที่จะเกิดการรัฐประหารในอนาคต ซึ่งตนมองว่าไม่ได้หมายความว่าอะไรเป็นพิเศษ เพราะบ้านเมืองก็ยังสงบ ไม่เข้าข่ายที่จะเกิดการรัฐประหาร เพราะ ผบ.ทบ. เป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา ต่างจาก พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ที่เป็นคนโกหก เพราะก่อนหน้านี้เคยให้คำมั่นว่าจะไม่มีการรัฐประหาร แต่สุดท้ายก็ยึดอำนาจ ซึ่งตนก็ขอให้มีพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก พร้อมกับ พ.ร.บ.ล้างมลทิน ก่อนวันที่ 26 พ.ย. 2561 เพื่อที่จะได้สังกัดพรรคได้พรรคหนึ่งก่อนเลือกตั้งสนามใหญ่ที่จะถึงนี้
เหล่านี้เป็นความคิดเห็นของ ลีน่าจัง ผ่านการไลฟ์สดในแฟนเพจ "ข่าวโหด" ส่วนบทบาทและทิศทางทางการเมืองของลีน่าจัง จะเป็นอย่างไรในอนาคตนั้นต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป