- 23 พ.ย. 2561
"อัจฉริยะ"หอบหลักฐานฟัองแพทยสภาเอาผิด"หมอสูติฯ"ตรวจเหยื่อสาวเกินกรอบจริยธรรม
เป็นอีกเรื่องราวที่ถูกเผยแพร่ขึ้นในโลกโซเชียล เมื่อเพจเฟซบุ๊ก "ทนายนิด้า" ได้เผยแพร่ภาพแชทเรื่องราว ที่มีหมอคนนึงข่มขืนคนไข้สาวตอนตรวจภายใน ซึ่งตอนแรกหมออ้างว่าใช้ของปลอมสอดใส่ แต่กลับใส่ถุงยางให้ของปลอมด้วย และยังได้เปิดเผยแชทไลน์ที่ ดาราสาว บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ทักแชทเล่าเรื่องราวดังกล่าวและข้อมูลต่างๆ ซึ่งตอนนี้เหยื่อสาวคนดังกล่าวเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และต่อมาได้มีเหยื่อยเข้าร้องเรียนว่าตกเป้นเยื่อยหมอรายนี้เป็นจำนวนมาก
โดยก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าไปตรวจสอบคลีนิคดังกล่าว ได้ตั้งข้อหาเบื้องต้นว่ามีความผิดเรื่องการให้ความปลอดภัยกับผู้ป่วย เพราะไม่มีบุคคลที่ 3 อยู่ในห้องระหว่างการตรวจซึ่งการกระทำแบบนี้ถือว่าผิดต่อหลักกฏหมาย เพราะจะต้องมีการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ทั้งหญิงและชาย หรือจัดให้มีเจ้าหน้าที่ท่านอื่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย เพื่อให้การช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
(หมสูติขืนใจสาว)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : "อัจฉริยะ" บุกแพทยสภา หลังจำลองตรวจภายใน พบหมอขืนใจสาว ผิดข้อบังคับแพทยสภาด้านจริยธรรม
ในกรณีนี้ผู้ป่วยหญิงอยู่สองต่อสองกับหมอ เป็นการปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมดูแลสถานพยาบาลให้สะอาด เรียบร้อย ปลอดภัย และมีลักษณะอันเหมาะสมแก่การใช้เป็นสถานพยาบาล ตามที่ พ.ร.บ. สถานพยาบาล พ.ศ.2541 กำหนด จะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายโดยไม่มีการละเว้นแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้ ทางคณะทำงานได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงควบคู่ไปกับการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากพบว่ามีมูลความผิดจริง ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป
(อัจริยะหอบหลักฐานฟ้องแพทยสภา)
ล่าสุดนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางไปยังแพทยสภา เพื่อเข้าพบและยื่นหนังสือต่อนายกแพทยสภา ในกรณีของหมอขืนใจคนไข้เจ้าของคลินิกชื่อดังใน จ.นครสวรรค์ ที่มีพฤติกรรมลวนลามกระทำอนาจาร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีคนไข้สาวหลายรายกล่าวหาว่าข่มขืนระหว่างเข้ารับการตรวจ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอัจฉริยะ ได้กล่าวว่า "หมอคนดังกล่าวได้ประพฤติผิดทางจริยธรรมจรรยาบรรณแพทย์ตามข้อบังคับข้อ 5 , ข้อ 6 และข้อ 21 ตนได้รวบรวมพยานหลักฐานที่มาให้ทางแพทยสภานำเข้าที่ประชุมในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งที่ผ่านมานั้น ได้เข้าไปตรวจคลีนิคเพื่อต้องการจำลองเหตุการณ์ และได้หลักฐานครบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น รายงานประจำวันการดำเนินคดีที่หมอสูติ ได้ยอมรับเมื่อปี 60 ว่าได้กระทำอนาจารคนไข้ 2 ราย และมีการจ่ายเงินให้คนไข้ 30,000-40,000 บาท ส่วนหลักฐานอีกชิ้นคือการโอนเงิน ให้เหยื่ออีกรายเป็นจำนวน 3 แสนบาท เป็นการยอมรับว่าได้กระทำความผิดจริง"
(อัจริยะหอบหลักฐานฟ้องแพทยสภา)
และยังมีผู้เสียหายอีกรายอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ ได้บอกถึงพฤติกรรมของหมอรายนี้ว่าได้ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อลวนลามหญิงสาว ไม่ว่าจะเป้น สั่งให้เปิดเสื้อชั้นในแล้วใช้มือเปล่าๆโดยไม่ได้ใส่ถุงมือยางคลึงเต้านม แล้วชมว่านมสวย ก่อนจะลูบไล้ไปตามร่างกาย พร้อมกับเล้าโลมใช้นิ้วสอดใส่ไปในอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นการทำผิดหลักทางการแพทย์ที่ไม่ใช่การรักษา แต่เป็นการลวนลาม หลังจากนั้นก็ได้อ้างว่าเป็นการตรวจภายใน อีกประเด็นที่สำคัญมากคือตั้งแต่เปิดคลินิกมา ไม่เคยมีพยาบาลหรือผู้ช่วยพยาบาล อยู่ในห้องการตรวจภายในเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งประตูห้องสามารถล็อกได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
นอกจากนี้ ทางด้านแพทยสภาได้เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "ตามขั้นตอนในการตรวจสอบ ทางเลขาสำนักงานธิการฯจะนำเรื่องนี้เข้าสู่คณะกรรมการบริหาร และเข้าสู่คณะกรรมการชุดใหญ่ และคาดว่าจะมีการประชุมในต้นเดือนธ.ค. แต่ตอนนี้ แพทยสภารับทราบเรื่องราวต่างๆ จากสื่อมวลชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมจะเร่งดำเนินการให้กระจ่างโดยเร็ว แต่การทำงานยังคงต้องทำงานภายในอำนาจ พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม ที่ถืออยู่ ตอนนี้คือเน้นไปที่เรื่องจริยธรรมของแพทย์ว่าได้ทำอย่างนั้นจริงหรือไม่"
(อัจริยะหอบหลักฐานฟ้องแพทยสภา)
"ในเรื่องของจริยธรรมแพทย์ ไม่ต้องมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ ถ้าเกิดหมอยอมรับ เรื่องก็จะเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหมอไม่ยอมรับผิด ก็ต้องเรียกมาชี้แจงอกีครั้งหนึ่ง
จริงๆเคสนี้มีอยู่ 2 ประเด็น คือเรื่องจริยธรรม และเรื่องคดีอาญา คือถ้าผิดจริง สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก เบาสุดคือตักเตือน หรือภาคทัณฑ์ แต่เคสนี้อาจถึงขั้นพักใบประกอบวิชาชีพ แต่ทำได้สูงสุดไม่เกิน 2 ปี ที่ผ่านมาเคยมีการลงโทษแบบนี้ แต่ไม่เคยถึงขั้นถอดใบประกอบวิชาชีพ เพราะอาจจะเป็นหมอไม่ได้อีกต่อไป"
(อัจริยะหอบหลักฐานฟ้องแพทยสภา)
"แต่ถ้าหมอยอมรับผิด ก็สามารถตัดสินเรื่องจริยธรรมได้เลย แต่หากไม่ยอมรับก็เป็นเรื่องคดีอาญา อำนาจในการชี้ขาดอยู่ที่กระบวนการยุติธรรม นั่นคือคำชี้ขาดจากศาล แพทยสภาก็ต้องรอสรุปอีกครั้งว่าแพทย์ที่คนดังกล่าวมีความผิดจริงหรือไม่ โดยภายในเดือน ธ.ค.จะเรียกผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้ามาชี้แจงและให้ข้อมูลต่อไป"
(อัจริยะหอบหลักฐานฟ้องแพทยสภา)