- 26 พ.ย. 2561
"บิ๊กโจ๊ก" ตะลุยจับแก๊งแชร์ "กาแฟแคชแบ็ค" โกงชาวบ้านกว่าพันราย เสียหาย 2,000 ล้าน มีเครียดเสียชีวิต 3 คน
จากกรณีการหลอกลวงของแก๊งมิจฉาชีพที่ปัจจุบันนั้นมีอยู่จำนวนมาก โดยจะเห็นได้ว่ามีประชาชนจำนวนมากนั้นหลงเชื่อและโดนหลอก ทำให้สูญเสียทรัพย์สินกันไปเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างก็เร่งตามจับกุมตัวแก๊งมิจฉาชีพมาดำเนินคดีเพื่อรับโทษตามกฎหมาย
(ของกลาง)
ทาง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงข่าวจับกุมหัวหน้าขบวนการแชร์ลูกโซ่แคชแบ็ค และแก๊งสกิมเมอร์ ปลอมบัตรเอทีเอ็ม สร้างความเสียหายกว่า 23 ล้านบาท ในคดีกาแฟแคชแบ็ค เป็นเรื่องการหลอกลวงอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีผู้เสียหาย 1,000 กว่าราย ความเสียหายเกือบ 2,000 ล้านบาท จากการสืบสวนทำให้รู้ว่ามีผู้ร่วมขบวนการหลายคน ตอนนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 ราย และเร็วๆนี้จะขออนุมัติหมายศาลจับกุมเพิ่มอีก 3-4 คน
(ภาพจากการแถลงข่าว)
(ภาพจากการแถลงข่าว)
โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้เปิดเผยในคดีกาแฟแคชแบ็คว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายในคดีนี้ เสียชีวิตไปแล้ว 3 ราย เนื่องจากเครียดที่ต้องสูญเงินที่ลงทุนไป จึงอยากขอให้ประชาชนที่ยังหลงเชื่อในกาแฟแคชแบ็คอยู่ ขอให้หยุดในเรื่องการโอนเงินต่างๆ ไปยังเครือข่ายกาแฟแคชแบ็ค ขณะนี้ทางเราได้ประสานงานกับทาง ดีเอสไอ และ ปปง. ให้ทำการตรวจยึดทรัพย์ผู้ต้องหาทั้งหมด เพื่อนำเงินมาคืนผู้เสียหายโดยเร็ว
(ภาพจากการแถลงข่าว)
ส่วนในคดีจับกุมแก๊งค์สกิมเมอร์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย คือ น.ส. สุรางคนานา บุญเรียบ , น.ส.รัชนีวรรณ โถนะวัลย์ , นายซุนเด็ง และ นายยูเป็ง ตรวจของกลางคือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก , โทรศัพท์มือถือ , ไอแพด , บัญชีธนาคารของผู้อื่น , บัตรATM และ เครื่องอนุมัติวงเงินอัตโนมัติ เป็นของกลางที่ตำรวจสามารถยึดได้จากผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณคอนโดแห่งหนึ่ง ถ.รัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
(ภาพจากการแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหา)
ทั้งนี้ยังได้เปิดเผยคดีสกิมเมอร์ว่า มีผู้หญิงชาวไทย 2 คนทำหน้าที่จัดหาเครื่องอนุมัติเงินสดอัตโนมัติ EDC จำนวน 125 ใบ พร้อมบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็มที่ผูกกับเครื่อง แล้วส่งต่อให้กับชายชาวจีนเพื่อใช้รูดเงิน จากนั้นชาวจีนจะส่งสลิปยอดรูดเงินกลับมาที่หญิงไทยเพื่อนำรหัสไปกดเงินสดมาให้กับชาวจีนอีกครั้ง
(ของกลางที่ยึดได้)
(ของกลางที่ยึดได้)
โดยทั้ง 2 สาวชาวไทยจะได้ส่วนแบ่งร้อยละ 1 ของยอดเงินสดที่กดมา จากการตรวจสอบพบแก๊งสกิมเมอร์ทำเป็นขบวนการตั้งแต่ปี 2557 มีการรูดเงินไปมูลค่าความเสียหาย 23 ล้านบาท โดย 2 ชาวจีนเดินทางเข้ามาในไทยโดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยวและแอบแฝงมากระทำผิด สอบสวนรับสารภาพเป็นคนจัดหาข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้เสียหายชาวจีนมาบัตรทึกลงบัตรปลอม โดยจ้างคนไทยจัดหาเครื่องอนุมัติวงเงินอัตโนมัติ EMC เมื่อได้เงินแล้วนำมาแบ่งกัน แล้วนำเงินที่ได้ส่งกลับประเทศจีนผ่านร้านรับแลกเงินแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง โดยตำรวจเตรียมขยายผลจับผู้ร่วมขบวนการต่อไป
(ภาพจากการแถลงข่าว)
นอกจากนี้แก๊งสกิมเมอร์ดังกล่าว สร้างความเสียหายให้กับผู้เสียหายในประเทศจีนเป็นอย่างมาก มูลค่ากว่าพันล้านบาท ซึ่งความร่วมมือนี้รัฐบาลจีนพอใจมาก ย้ำทางตำรวจเข้มงวดปราบปรามอย่างจริงจัง
(ภาพจากการแถลงข่าว)
(ภาพจากการแถลงข่าว)