- 01 ธ.ค. 2561
สิ่งควรรู้ สิทธิประโยชน์ผู้ป่วยเอดส์ ระบบประกันสุขภาพ3กองทุน หลังไทยผลิตยาต้านสำเร็จมาตรฐานโลก
จากกรณีที่วันนี้(1 ธ.ค.61 )พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha เนื่องในวันเอดส์โลก โดยมีข้อความที่น่าสนใจที่คนไทยควรรู้ถึงข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ เกี่ยวกับการรักษาโรคร้ายดังกล่าว ที่ปัจจุบันมีตัวยาที่สามารถต้านทานได้และได้รับการรับรองระดับโลกแล้วด้วย
เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันเอดส์โลกประจำปีนะครับ
มีหลายประเด็นที่ผมคิดว่าชาวไทยทุกคนควรจะภูมิใจร่วมกัน ในพัฒนาการและความสำเร็จทางด้านการป้องกันและให้การรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี
เช่น สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้คลอบคลุมทั้งการรักษาและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และยิ่งไปกว่านั้น ล่าสุด องค์การเภสัชกรรมได้แถลงถึงความสำเร็จในการผลิตยาต้านไวรัสเอดส์
หรือยาเอฟฟาไวเรนส์ Efavirenz Tablets 600 มก. ซึ่งเป็นยาตัวแรกของประเทศไทยและเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลจาก WHO Prequalification Program
จากองค์การอนามัยโลกด้วยครับ
ข้อมูลที่ผมแนบมาด้วยคือ ข้อเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์การรักษาระหว่างระบบประกันสุขภาพ 3 กองทุน หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านครับ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ได้กล่าวในรายการเดินหน้าประเทศไทยถึงการต้านเอดส์ไทยได้รับรองมาตรฐานระดับโลก โดยองค์การเภสัชกรรมได้ผลิตยาต้านไวรัสโรคเอดส์ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล WHO Prequalification Program (WHO PQ) จากองค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นยารายการแรกของประเทศไทยและเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่ได้รับการรับรองและได้ขึ้นบัญชียาเพื่อให้หน่วยงาน หรือองค์กรสาธารณสุขนานาชาติจัดซื้อยาจากผู้ผลิตที่ได้ผ่านกระบวนการตรวจรับรองที่เข้มงวดนี้แล้วเท่านั้น
ทั้งนี้การรับรองครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยาที่ทั่วโลกยอมรับ และเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพประสิทธิผล ความปลอดภัย ให้มีศักยภาพและความพร้อมในการแข่งขันมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ สำหรับยาตัวนี้เป็นตัวแรกที่ให้กับผู้ติดเชื้อเอชไอวีทุกรายตั้งแต่ตรวจพบเชื้อในร่างกาย ซึ่งในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อประมาณ 80,000 ราย โดยยาต้านไวรัสเอดส์นี้จะช่วยลดปริมาณเชื้อเอสไอวีและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น
“เตรียมพัฒนาโรงงานผลิตยารังสิตเฟส 2 มูลค่า 5,600 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนมกราคม 2562 โดยการผลิตยาดังกล่าวนับเป็นก้าวสำคัญของไทยที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ เพราะนอกจากจะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยในไทยให้เข้าถึงยาคุณภาพได้แล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสการช่วยเหลือผู้ป่วยในภูมิภาคอาเซียน หรือประเทศอื่นๆ อีกกว่า 20 ประเทศทั่วโลก”
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha