- 22 ธ.ค. 2561
ผ่าปฏิบัติการไอโอ วิธีสกปรกแฉข่าวลับ "ไม่ใช่ทหารที่ทำ"
กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียล หลังจากมีคลิปหลุด ซึ่งมีบุคคลในคลิปดังกล่าวเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศ คือผู้ชายวัยกลางคน มีลักษณะและใบหน้าคล้ายนักการเมืองชื่อดัง ของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวกับคนแดนไกล ในวาทกรรม “ต้านเผด็จการ” กับ หญิงสาวผมสั้น ผิวขาว มีลักษณะและใบหน้าคล้ายกับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายหนึ่ง โดยมีจุดอยู่ทางการเมืองอยากเลือกตั้ง
ขณะที่มีความเคลื่อยไหวจากทางฝั่งของ น.ส.ณัฎฐา มหัธนา หรือ “โบว์” แกนนำคนอยากเลือกตั้ง ผ่านทางเฟสบ๊คส่วนตัว ระบุว่า.."จบตรงนี้นะคะ จะไม่ตอบสนองอะไรเพิ่มเติมต่ออาชญากรรมและความทุจริตครั้งนี้ พื้นที่สื่อควรมีไว้เพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ให้ทรราชใช้เป็นเครื่องมือในการเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมไปจากสิ่งที่สำคัญ#เผด็จการจงพินาศ_ประชาธิปไตยจงเจริญ" พร้อมแนบภาพ ระบุข้อความ.. พี่น้องถามไถ่ด้วยความห่วงใยเราจะ “ฟ้องมั่ย” กับIO (information operation ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารที่ทหารใช้ในการสงคราม) ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้น โบว์มีประสบการณ์กับการดำเนินการทางกฎหมายกับสิ่งเหล่านี้มาแล้วถ้าจำกันได้ จึงได้รู้ว่าในบริบทที่เผด็จการพยายามจัดการกับผู้ต่อต้านอย่างเป็นระบบกระบวนการยุติธรรมไม่ได้มีไว้เพื่อปกป้องคนอย่างพวกเรา
แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นที่ต้องชี้ให้เห็นก็คือ เจตนาของผู้กระทำในการ “เบี่ยงเบนความสนใจ” ของสังคมจากสิ่งที่เป็นประโยชน์สาธารณะ นั่นคือการส่องไฟไปที่การโกงเลือกตั้งทุกรูปแบบ และการสร้างสนามเลือกตั้งที่เสรีเป็นธรรม ซึ่งพวกเราทั้งหมดลงแรงทำอย่างแลกด้วยชีวิตและการถูกดำเนินคดีร้ายแรง ประชาธิปไตยมีค่านัก ฝ่ายที่ไม่ต้องการให้เราได้มาจึง “ทำได้ทุกอย่าง” เพื่อการสืบทอดอำนาจ นี่คือสงครามแต่สิ่งที่คุณได้มาในวันนี้ไม่ใช่เหยื่อ เพราะ “เราไม่เคยทำอะไรผิด” สิ่งที่คุณจะได้คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าใครจะมีจินตนาการอย่างไร พวกเราคือคนแบบที่พวกคุณไม่เคยรู้จักแต่หวังว่าจะมีอยู่จริง เหมือนเทพนิยายที่ปลอบประโลมใจว่าความถูกต้องจะชนะทุกอย่างเสมอ เวลาจะพิสูจน์ว่าวิธีอันสกปรกจะไม่นำสู่ผลที่ดีงาม
ทั้งนี้ ปฎิบัติการไอโอ (IO) หรือปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operation) เป็นคำเรียกขาน ที่หลายคนมักจะได้ยิน โดยเฉพาะในสถานการณ์"ความขัดแย้งทางการเมือง" ทั้งการหาข่าว เช็คข่าว โต้ข่าว และปล่อยข่าว อย่างไรก็ตาม ฟังดูเหมือนเป็นปฏิบัตินี้ เป็นปฎิบัติการลับหรือลูกเล่นสกปรก แต่เมื่อเอาเข้าจริง"ปฎิบัติการ IO" แทบไม่ได้ต่างอะไรกับวิธีทางการตลาดที่องค์กรทั้งธุรกิจและสาธารณะประโยน์หลายแห่งใช้ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการตลาดหรือการรณรงค์ ซึ่งก็มีทั้งด้านที่เล่นกันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา และด้านที่ปิดลับหวังผลสะเทือนเป็นอย่างมาก
เช่นการปล่อยข่าวเท็จ ทำให้กลัว สับสน และสงสัย แต่กระนั้นก็ใช่ว่า"ปฎิบัติการ IO" ไม่ใช่ว่าจะเกิดจากฝ่ายทหารทำกับฝ่ายพลเรือนเท่านั้น แต่อาจจะเกิดจากพลเรือนก็ทำกับพลเรือนด้วยกันเอง ซึ่งหวังผลสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากการปฎิบัติการ ก็มีอยู่บ่อยครั้ง อย่างกรณีล่าสุด คลิปหลุด"สาวนักเคลื่อนไหวทางการเมือง"กับ"นักการเมืองชื่อดัง" ซึ่งเธอก็ออกมาโวยวายว่า"ถูกกระทำจากฝ่ายทหารดังที่กล่าวมาข้างต้น"
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากกรณีคลิปฉาว ที่ โบว์ ออกระบุข้อความว่า พี่น้องถามไถ่ด้วยความห่วงใยเราจะ “ฟ้องมั่ย” กับIO (information operation ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารที่ทหารใช้ในการสงคราม) นั่นดูเหมือนว่าเธอจะปักใจเชื่อว่าคลิปฉาวของเธอเป็นฝีมือของทหารแน่ เพราะดูจากถ้อยคำที่เธอกล่าวไว้ โดยเธอมองว่าปฎิบัติการดังกล่าว "เจตนาของผู้กระทำในการ “เบี่ยงเบนความสนใจ” ของสังคมจากสิ่งที่เป็นประโยชน์สาธารณะ นั่นคือการส่องไฟไปที่การโกงเลือกตั้งทุกรูปแบบ และการสร้างสนามเลือกตั้งที่เสรีเป็นธรรม" ดังที่เธอออกมาแก้ต่างไว้ให้ตัวเองตั้งแต่เกิดเรื่องใหม่ๆ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องนี้ ยังเป็นคำถามมากมายว่าแท้ที่จริงแล้วเกิดจากฝีมือใครกันแน่ เพราะมีหลายฝ่ายก็มองว่า ฝ่ายประชาธิปไตยนั่นแหละทำกันเอง
เรื่องนี้แจ่มชัดขึ้นไปอีกเมื่อ ล่าสุดวันนี้ (22 ธันวาคม 61 ) "พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์" ผบ.ทบ.และเลขาธิการ คสช.ออกมากล่าวถึง กรณี การพาดพิง คสช.และกองทัพในเรื่องนี้ว่า 1. กองทัพบกเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง และ มีความเป็นมืออาชีพ และไม่เคยใช้ คน หรือ เครื่องมือ นอกเหนืองานด้านความมั่นคง และผิดจรรยาบรรณโดยเด็ดขาด 2. คำว่า IO หรือ Information Operation หรือ การต่อต้านงานด้านการข่าว และการต่อต้านการข่าวกรองทางทหาร จะปฏิบัติต่อกลุ่มคนหรือองค์กร ที่ต่อต้านระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ กลุ่มที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เท่านั้น
ทั้งนี้ "พล.อ.อภิรัชต์" ยังกล่าวอีกว่า 3. กองทัพบกเข้าใจ และเห็นใจต่อผู้เสียหายจากการใช้ Social Media ทุกคนและขอให้สังคมให้ความเป็นธรรม และใช้วิจารณญาณกับสิ่งที่เกิดขึ้น 4.ปรากฏการณ์ใส่ร้ายป้ายสี ก่อนการเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่ไม่ปกติของสังคมไทยมาทุกยุคสมัย และ 5. กองทัพบก ได้มีประสบการณ์ในวิกฤติการเมืองที่เกิดขึ้นมาทุกสมัย และทุกครั้งที่เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง กองทัพบกมักจะถูกเป็นจำเลยของสังคม โดย ที่กลุ่มเห็นต่าง มิได้มองถึงสาเหตุหรือต้นเหตุแห่งความวุ่นวายที่เกิดขึ้น โดยขอนำ อมตะวาจาของ ท่าน ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีว่า "รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ปัญหา คณะปฏิวัติเป็นเพียงปลายเหตุ คนโกงต่างหาก คือต้นเหตุ"
เมื่อ "พล.อ.อภิรัชต์" ออกมายืนยันชัดแจ้งว่าเรื่องนี้ "ไม่เกี่ยวกับทหาร" ซึ่งนั่นก็ทำให้หลายคนก็ตั้งคำถามเช่นกันว่า "เป็นไปได้หรือไม่ว่ากรณีนี้ เกิดจากฝ่ายนักการเมืองประชาธิปไตยทำกันเอง โดยหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่งที่พวกเขาเหล่านั้นน่าจะรู้ถึงสาเหตที่แท้จริง ... ดั่งความคิดเห็นดังกล่าวด้านล่างนี้