โอ๊คหงายเงิบ พล่ามมั่ว!เสริมสุขโดนไล่ออกจากงาน หารู้ไม่ศาลตัดสินนักข่าวดังชนะคดี หลังแฉสนามบินสุวรรณภูมิ

โอ๊คหงายเงิบ พล่ามมั่ว!เสริมสุขโดนไล่ออกจากงาน หารู้ไม่ศาลตัดสินนักข่าวดังชนะคดี หลังแฉสนามบินสุวรรณภูมิ

จากกรณี โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร ตกเป็นจำเลย คดีร่วมฟอกเงิน กรณีอนุมัติสินเชื่อของอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นความผิดตาม ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9 และ 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยหลักทรัพย์เงินสด 1 ล้านบาท แต่ห้ามออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต

 

โอ๊คหงายเงิบ พล่ามมั่ว!เสริมสุขโดนไล่ออกจากงาน หารู้ไม่ศาลตัดสินนักข่าวดังชนะคดี หลังแฉสนามบินสุวรรณภูมิ

 

ต่อมากรณีดังกล่าว ท่ามกลางกระแสสังคมที่จับตาและหวาดระแวงว่าโอ๊ค จะหลบหนีตามผู้เป็นพ่อและอาหญิงหรือไม่ จนวานนี้ 25 ธ.ค. 2561 เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ นักข่าวอาวุโสสายทหารได้ทำการโพสต์บนบัญชีเฟสบุ๊กส่วนตัว "Sermsuk Kasitipradit" ไว้อย่างน่าสนใจโดยระบุว่า

 

หลังโพสต์ข่าวนี้ตอนเย็น ตอนสามทุ่มครึ่งเช็คอีกรอบ ครับ ผลการตรวจสอบนอนยัน95% นายโอ๊คหนีแล้วชัวร์ ที่ต้องหนีเพราะฟ้ามีตาเอาจริงเว้ยยย ...

หนึ่งในคนที่นอนยันซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับลุงขาใหญ่ท่านหนึ่งบอกค่อนข้างชัวร์เว้ยยยคุณเปปซี่..

รอลุงป้อมยืนยันพรุ่งนี้จะให้นักข่าวถามให้นะครับพวกที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเหมือนผม ...แต่เชื่อว่าลุงป้อมจะตอบแบบกั๊กๆตามสไตล์ลุง ไม่กล้าฟันธงเหมือนเฟสนี้..

ข่าวที่ซอกแซกได้มาบอกเจ๊แดงออกจากกพช.แล้วเหมือนกัน ปลายทางที่ไต้หวัน เจอนายโอ๊คที่นั่น เตรียมขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของนักโทษหนีคดีต่อไปอังกฤษ ปลายทางจากอังกฤษอาจเป็นที่ดูไบครับ พี่น้องเอ้ยยย..โพสต์นี้ตอนสามทุ่มครึ่งวันอังคาร25 ธ.ค.

 

โอ๊คหงายเงิบ พล่ามมั่ว!เสริมสุขโดนไล่ออกจากงาน หารู้ไม่ศาลตัดสินนักข่าวดังชนะคดี หลังแฉสนามบินสุวรรณภูมิ

 

 

 

โพสต์ตอน18.15 น..

สายข่าวบางสายมากระซิบบอกว่าหนีแล้วเว้ยยยยเฮ้ยยยย

 

ช่วงเมอร์รี่คริสต์มาส ตรวจสอบกับสายข่าวหลายสาย ทั้งสายเขียวฝ่ายความมั่นคง สายข่าวกรองทะลุทะลวงของทั่งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน รวมถึงสายข่าวทะลวงไส้ ที่ให้ข่าวโป๊ะเชะมาตลอด รวมถึงที่ฟันธงตั้งแต่แรกว่าเจ๊แดง หนีไปตั้งหลักเคลียร์เสบียงที่กพช.กับลูกเขยกพช. ก่อนเดินทางหลังคริสต์มาสไปที่ดูไบ ตั้งข้อสังเกตไปทิศทางเดียวกันว่า นายโอ๊ค พานทองแท้ ลูกชายนักโทษหนีคดีนายทักษิณ ชินวัตร เผ่นตามน้าสาวไปเรียบร้อยแล้ว ก็รอหน่วยข่าวกรองขอุงลุงป้อมซึ่งได้รับมอบหมายให้เกาะติดความเคลื่อนไหวของนายโอ๊คมายืนยันอีกที...

"มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในหลายเรื่อง โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวทั้งในเฟสและไอจี"..จนท.หน่วยข่าวนายหนึ่งตั้งข้อสังเกต บอกส่วนตัวเชื่อว่าเผ่นตามน้าไปแล้ว พร้อมตั้งคำถามจำได้ไหมที่สองนักโทษหนีคดีมาสิงค์โปร์แล้วโพสต์ข้อความเยาะเย้ย น่าจะเป็นช่วงที่นัดมาเจอลูกชายห้วงเวลาดังกล่าว....

นายโอ๊ค โดนอัยการตั้งข้อกล่าวหาฟอกเงิน และได้รับประกันตัวในวงเงินหนึ่งล้านบาทพร้อมคำสั่งศาลห้ามเดินทางออกนอกประเทศ งานนี้นายทักษิณซึ่งประเมินสถานการณ์บวกลบคูณหารแล้วส่งสัญญาณให้ทั้งน้องสาวและลูกชายเผ่นหนียาวน่าจะปลอดภัยกว่าไปรอเรื่องขึ้นศาล แล้วไปวางแผนหลบหนีช่วงนั้น

มายืนยันอีกรอบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะ "ฟ้ามีตา" พวกมรึงหนาวแน่ นักการเมืองที่คิดชั่วทุจริตโกงกินทำร้ายบ้านเมืองต้องถูกลงโทษตามกฏหมายบ้านเมือง หากหนีก็อย่าได้หวังจะมีรโทษทั้งแผ่นดินอย่างที่มาปล่อยข่าว

เพื่อไทยงานนี้หนาวสะท้าน ฟังมาว่าเงินเสบียงจากนายใหญ่สะดุด ส่งผลกระทบแน่นอนต่อการเลือกตั้งทั่วประเทศโดยเฉพาะที่ภาคเหนือ เที่ยวนี้จะได้รู้กันที่ว่าฐานเสียงแน่นหนา ชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งทุกครั้งที่ชอบคุยคำโต มาเพราะศรัทธาหรือเพราะเสบียงกรังที่ยิงถล่มช่วงเลือกตั้ง....จบรายงานข่าวเจาะทะลวงวันคริสต์มาส merry christmasครับ

 

โอ๊คหงายเงิบ พล่ามมั่ว!เสริมสุขโดนไล่ออกจากงาน หารู้ไม่ศาลตัดสินนักข่าวดังชนะคดี หลังแฉสนามบินสุวรรณภูมิ

 

เพราะฟ้ามีตาเลยต้องหนีอย่างสุนัข........

เมื่อวานบอก95% โอ๊คหนี วันนี้ยืนยัน 100 % หนีทางช่องทางธรรมชาติ....ไปไม่กลับหลับไม่ตื่นฟื้นไม่มี ....

เงินยังไม่หมดแต่มาเที่ยวยืมเงินนักธุรกิจใหญ่ในประเทศจ่ายกองเชียร์หวังพลิกสถานการณ์เลือกตั้งต้นปี62..

ยังเพ้อได้ขนาดนั้น.....

 

โอ๊คหงายเงิบ พล่ามมั่ว!เสริมสุขโดนไล่ออกจากงาน หารู้ไม่ศาลตัดสินนักข่าวดังชนะคดี หลังแฉสนามบินสุวรรณภูมิ

 

ล่าสุดวันนี้(27 ธ.ค.61)  นายพานทองแท้ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้นายเสริมสุข โดยมีเนื้อหาระบุว่า

 

ใครพอจะจำ “นักเต้าข่าว” ที่เคยประโคมข่าวเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิแตกร้าว โดยใช้เทคนิคในการถ่ายภาพ ทำให้ดูเสียหายมากกว่าของจริง ตอนช่วงรัฐประหารปี 49 ได้บ้างครับ?

 

การกระทำของเขา ส่งผลให้ชื่อเสียงของประเทศไทยเสียหายไปทั่วโลก จน นสพ.ต้นสังกัดฯ ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายนับพันล้านบาท ในที่สุด นสพ.ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการให้นักข่าวคนดังกล่าวออกจากงานเสีย

 

ส่วนเรื่องที่เขาโจมตีเอาไว้ ในที่สุดก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ สนามบินสุวรรณภูมิ ที่โดนประโคมข่าวจนเสียชื่อเสียงยับเยิน ยังคงเปิดให้บริการ รองรับเที่ยวบินจนถึงปัจจุบัน ทะลุล้านเที่ยวบิน ขนนักท่องเที่ยวมาเมืองไทย หลายร้อยล้านคนมาแล้ว

 

โอ๊คหงายเงิบ พล่ามมั่ว!เสริมสุขโดนไล่ออกจากงาน หารู้ไม่ศาลตัดสินนักข่าวดังชนะคดี หลังแฉสนามบินสุวรรณภูมิ

 

“โดยในภายหลังเมื่อรู้ตัวว่า คนพูดให้ประเทศชาติเสียหาย ก็ไม่เคยออกมาขอโทษประเทศไทยอันเป็นที่รักของทุกคนเลยสักครั้ง” ...เวรกรรมจริง...

 

อยู่ๆ มาวันนี้ คนเดิมออกมาเต้าข่าวใหม่อีกครั้ง นัยว่าจะเป็นการรับจ๊อบเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นความล้มเหลวของรัฐบาลหรือไม่ก็ไม่ทราบ ครั้งนี้มาพร้อมสคริปท์ใหม่ “ยืนยันหนักแน่น ฝ่ายความมั่นคงเผย พานทองแท้ไม่อยู่เมืองไทยแล้ว” โถ... ถถถถถถถถ!!

 

ตบท้ายด้วยการท้าพิสูจน์ ให้ผมโพสต์โชว์ตัวว่ายังอยู่เมืองไทย..!! แหม่...ถ้าอยากจะรู้เรื่องส่วนตัวกันมากขนาดนั้น คงต้องถามกันก่อนว่า พูดให้เสียหายกันแบบนี้ ถ้าผมอยู่เมืองไทยไม่ได้ไปไหน คนเต้าข่าวจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร..??

 

เอาแบบนี้มั๊ยครับ ถ้าผมแสดงตัวว่าผมอยู่ไทยจริง คนเต้าข่าวยอมเอาตะกร้อมาครอบปากตัวเอง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความปากพล่อยของตัวเอง ที่ทำให้ผู้อื่นเสียหายทั้ง 2 ข่าว 2 ครั้ง มั๊ยครับ..?

 

ถ้าโอเคเดี๋ยวผมจัดให้ โพสต์แบบสิ้นสงสัยว่าอยู่ที่ไหนกันแน่? แต่ถ้าไม่กล้าก็หุบปาก และเลิกเรียกตัวเองว่าสื่อ คอยเต้าข่าวใส่ร้ายผู้อื่นให้เสียหาย จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่านี้เยอะครับ!!

 

โอ๊คหงายเงิบ พล่ามมั่ว!เสริมสุขโดนไล่ออกจากงาน หารู้ไม่ศาลตัดสินนักข่าวดังชนะคดี หลังแฉสนามบินสุวรรณภูมิ

 

ก่อนหน้านี้คือเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2558 ศาลฏีกาแรงงานนัดอ่านคำตัดสินในคดีที่ บริษัท โพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ไล่นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ หรือเป๊ปซี่ บรรณาธิการข่าว สถานีโทรทัศน์ดิจิตอล นิวส์ทีวี อดีตหัวหน้าข่าวฝ่ายทหารและความมั่นคง หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ออกจากตำแหน่งหัวหน้าข่าวฝ่ายทหารและความมั่นคง หลังจากที่นำเสนอข่าวปัญหารันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิเกิดรอยร้าว เมื่อเดือน สิงหาคม พ.ศ. 2548

 

จากนั้นนายเสริมสุขได้ร้องต่อศาลแรงงาน โดยกล่าวหาอดีตต้นสังกัดเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม และศาลแรงงานกลาง ก็ได้มีคำพิพากษาเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 ให้หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รับ นายเสริมสุข กลับเข้าทำงาน แต่จากนั้นอดีตต้นสังกัดได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาให้รับกลับเข้าทำงาน และจ่ายเงินชดเชยจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จึงเป็นที่มาของการฟ้องร้องในศาลฎีกาแรงงานครั้งนี้

 

ฝ่ายโจทก์ คือ นายเสริมสุขเดินทางมาด้วยตนเอง โดยมีภรรยาและบุตรชาย รวมถึงเพื่อนร่วมอาชีพมาให้กำลังใจ ขณะที่ฝ่ายจำเลยคือบริษัท โพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ส่งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ และทนายมาฟังคำตัดสิน โดยศาลพิจารณาตัดสินยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจากกองทุนเลี้ยงชีพในส่วนเงินสมทบของบริษัท 623,700.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเลิกจ้าง พร้อมให้จ่ายค่าเสียหายจากการขาดรายได้จำนวน 8 ล้านบาท และค่าเสียหายต่อเกียรติยศชื่อเสียงจำนวน 5 ล้านบาท รวม 13 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยจะนัดให้ทั้งสองฝ่ายมาเจรจาทำความเข้าใจเรื่องค่าเสียหายที่ต้องจ่ายให้โจทก์อีกครั้งในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ เวลา 13.00 น. ที่ศาลแรงงานชั้นต้น

 

โอ๊คหงายเงิบ พล่ามมั่ว!เสริมสุขโดนไล่ออกจากงาน หารู้ไม่ศาลตัดสินนักข่าวดังชนะคดี หลังแฉสนามบินสุวรรณภูมิ

 

หลังจากที่ศาลอ่านคำพิพากษา นายเสริมสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ตนรู้สึกพอใจกับกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะยาวนานถึง 10 ปี อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าจะสร้างบรรทัดฐานให้สื่อมวลชนไทย เมื่อถูกต้นสังกัดกดดันกระทำด้วยความไม่เป็นธรรม ให้ถือกรณีนี้เป็นบทเรียน ส่วนตัวยังยืนยันว่าเรื่องนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องและแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ตนอยากเรียกร้องให้นักการเมืองไม่ควรที่จะนำสื่อมวลชนมาเป็นพรรคพวกทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้ตัวเอง

 

ทั้งนี้ คดีนี้สืบเนื่องมาจาก นายเสริมสุข ถูกบริษัท โพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ไล่ออกจากตำแหน่งหัวหน้าข่าวฝ่ายทหารและความมั่นคง ภายหลังนำเสนอข่าวปัญหารันเวย์ร้าวของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2548 จนทำให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่พอใจ และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งให้กระทรวงฟ้องร้องกับหนังสือพิมพ์จนต้นสังกัดต้องตัดสินใจดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นไปอย่างที่นายพานทองแท้เข้าใจในคดีนี้ เพราะไม่ได้กล่าวถึงผลการตัดสินของคดีที่สุดท้ายนายเสริมสุขไปฟ้องต่อศาลในที่สุดก็ชนะคดี  นี่จึงอาจเรียกได้ว่า เป็นความไม่รู้ข้อมูล การไม่ทำการบ้านอีกครั้งของบุตรชายนายทักษิณ

 

โอ๊คหงายเงิบ พล่ามมั่ว!เสริมสุขโดนไล่ออกจากงาน หารู้ไม่ศาลตัดสินนักข่าวดังชนะคดี หลังแฉสนามบินสุวรรณภูมิ