- 14 มี.ค. 2562
ขณะที่พ่อแม่ของ ผอ.อ้อยพอใจที่ศาลให้ความยุติธรรมอย่างเต็มที่
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 14 มี.ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บัลลังก์ 4 ศาล จ.กันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ องค์คณะผู้พิพากษาศาล จ.กันทรลักษ์ ได้อ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.81/2561 ระหว่างพนักงานอัยการ จ.กันทรลักษ์ เป็นโจทก์ โดยมี ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 4 คน โดยจำเลยที่ 2 คือ นางสุชาวดี ปทุมอินทน์ นายวิฑูรย์ ท้าวแก้ว จำเลยที่ 3 และนายประกรรษวัต คณะพันธ์ จำเลยที่ 4 ฐานความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดต่อเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ความผิดเกี่ยวกับบัตรอิเลกทรอนิกส์ ลักทรัพย์ รับของโจร โดยจำเลยที่ 1 คือ ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง ได้ถูกฟ้องว่า ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง ทำให้ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน อายุ 37 ปี ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และฆ่า น.ส.จุฑาภรณ์ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลอบฝังซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย ทำให้เสียหาย เคลื่อนย้ายส่วนของศพโดยไม่มีเหตุอันควร ลักทรัพย์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อ ไอโฟนรุ่น 5 เอส สร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ เงินสด เข้าถึงซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น และฟ้องจำเลยที่ 2 – ที่ 4 ว่า ร่วมกันลักทรัพย์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น 5 เอส สร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ หรือร่วมกับรับของโจร ร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม
ซึ่งศาลได้วิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ โจทก์ร่วมทั้ง 4 และจำเลยที่ 1 แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง ทำให้ผู้ตายปราศจากเสรีภาพในร่างกายและฆ่าผู้ตาย ฐานลอบฝังซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ ฐานลักทรัพย์โทรศัพท์ ยี่ห้อไอโฟน ฐานลักทรัพย์รถยนต์ สร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ ฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารใดของผู้ใด หรือยึดไว้ซึ่งบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่น ฐานปลอมเอกสาร ฐานฉ้อโกง ฐานฆ่าผู้อื่น ศาลพิพากษาว่า ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1 คือ ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง สถานเดียว ในส่วนคดีแพ่ง ให้จำเลยที่ 1 คือ ร.อ.ศุภชัย ชำระค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่น ๆ แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 เป็นเงิน 300,000 บาท ชำระค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ร่วมที่ 1 เป็นเงิน 324,000 บาท ชำระค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นเงิน 216,000 บาท ชำระค่าขาดไร้อุปการะและขาดแรงงานในครัวเรือนแก่โจทก์ร่วมที่ 3 เป็นเงิน 216,000 บาท และชำระค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ร่วมที่ 4 เป็นเงิน 1,320,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,760,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี สำหรับจำเลยที่ 2 – ที่ 4 ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์ และโจทก์ร่วมทั้ง 4 ฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 – ที่ 4 ไม่ได้กระทำความผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้องแต่อย่างใด
นายพายัพ สนองไทย ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า คดีนี้มีอัตราโทษสูง ดังนั้น จึงต้องส่งไปให้ศาลอุธรณ์ได้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยคดีนี้องค์คณะศาล จ.กันทรลักษ์ ได้ผลัดกันอ่านคำพิพากษา ตั้งแต่เวลา 09.00 น.ถึงเวลาประมาณ 10.30 น.ทั้งนี้เนื่องจากว่า ได้มีการพิจารณาพยานหลักฐานทุกฝ่ายอย่างละเอียดรอบคอบ
นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 63 ปี พ่อของ ผอ.อ้อย กล่าวว่า ตนพอใจคำพิพากษาของศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับตนและครอบครัว ญาติพี่น้อง ซึ่งตนต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ และคณะ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงมะลู และญาติพี่น้องทุกคน ที่ได้เข้ามาช่วยในการติดตามหาร่างของ ผอ.อ้อย ลูกสาวของตน จนกระทั่งสามารถนำตัวฆาตกรโหดรายนี้มาลงโทษตามกฎหมายได้
นางแหลม อุ่นอ่อน อายุ 61 ปี แม่ของ ผอ.อ้อย กล่าวว่า ตนขอขอบคุณศาล จ.กันทรลักษ์ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ให้ความเป็นธรรมในคดีนี้ให้กับตนและครอบครัว ซึ่งถึงแม้ว่า ศาลจะตัดสินประหารชีวิตผู้กองเหน่งไปแล้ว แต่ว่าชีวิตลูกสาวของตนคงไม่สามารถเอากลับคืนมาได้ สงสารแต่หลานสาวตัวเล็ก ๆ ที่ต้องกำพร้าแม่ แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็ถือว่าผู้กองเหน่งได้รับโทษอย่างสาสมกับความผิดที่ก่อขึ้นแล้ว
ทางด้าน พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ กล่าวว่า คดีนี้ตนได้รับมอบหมายจากหน่วยเหนือให้ติดตามคลี่คลายคดีอย่างเร่งด่วน ซึ่งปรากฏว่าต้องใช้ระยะเวลานานนับเดือน จึงสามารถที่จะรวบรวมพยานหลักฐานจนถึงการจับกุมผู้ต้องหามาลงโทษตามกฎหมายได้ ซึ่งคดีนี้ ตนและพนักงานสอบสวน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกคนได้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ
น.ส.ภัทรพร ทองสุทธิ์ รองประธานสภาทนายความ จ.กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ร่วมคดีนี้ กล่าวว่า คดีนี้ นายประสิทธิศักดิ์ ฝอยทอง ประธานสภาทนายความ จ.กันทรลักษ์ และตน ได้ช่วยกันว่าความในฐานะทนายความของโจทก์ร่วม ซึ่งคำพิพากษาของศาลออกมา ทำให้ตนและครอบครัวของผู้เสียหายพอใจ แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีแพ่งนี้ คงจะต้องมีการอุธรณ์ เนื่องจากว่าได้มีการเรียกร้องค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากจำเลยให้กับโจทก์ร่วม เป็นจำนวนเงินประมาณ 4 ล้านบาทเศษ แต่ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าเสียหายเพียง 2 ล้านบาทเศษเท่านั้น ซึ่งจะได้หารือเรื่องนี้กับนายประสิทธิศักดิ์ และพ่อแม่ ญาติพี่น้องของ ผอ.อ้อย เพื่อยื่นอุธรณ์ในทางแพ่งต่อไป
ชยงค์ มณีพันธุ์เจริญ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.ศรีสะเกษ