ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลออกโรงป้องหมอแสง...การันตีคนกินยาบอกว่าดีจริง!?! แฉไทยนำเข้าสารเคมีคีโมปี1.5แสนล้าน ถามพวกเก่งทำไมไม่ผลิตเอง?!?

จากกรณีกรมการแพทย์ออกมาแถลงยาของหมอแสงไม่สามารถยับยั้งเซลมะเร็งในหลอดแก้ว ถ้าไม่สามารถยับยั้งในหลอดแก้วได้ ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีประสิทธิภาพ หากแจกยาต่อไปก็เท่ากับว่าทำให้คนป่วยกินของไม่มีคุณภาพ ก็สมควรหยุด ต่อมาหมอแสง ได้ออกมาตัดพ้อหากคนไทยไม่ต้องการก็จะขายให้ต่างประเทศ ล่าสุดนายวิชาญ ชำนาญกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลชั้นต้นจังหวัดปราจีนบุรี ในฐานะผู้รับถ่ายทอดสูตรสมุนไพรรักษามะเร็งจาก นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือหมอแสงนั้น

       ทั้งนี้ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลชั้นต้นฯ กล่าวว่า ตัวยาของนายแสงชัยที่รู้ส่วนผสม มีรำข้าว 80 % รำข้าวไม่สามารถยับยั้งเซลมะเร็งได้แน่นอน ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ถั่งเช่า ไม่สามารถยับยั้งเซลมะเร็งได้ แต่ที่ยับยั้งเซลมะเร็งได้คือ เห็ดกระถินพิมาน แต่ปริมาณเห็ดกระถินพิมาน ต้องเป็นปริมาณที่สามารถบริโภคได้ ถ้าบริโภคเข้มข้นไปก็จะถึงแก่ความตาย เพราะเป็นเห็ดมีพิษ

“ต้องใช้เวลาหมักบ่มถึง 6 เดือน แล้วมาผสมกับรำข้าวถึงสามารถบริโภคได้ ส่วนประเด็นเรื่องไม่สามารถยับยั้งเซลมะเร็งได้ เซลมะเร็งกับสารบ่งชี้มะเร็งน่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน ได้ส่งเอกสารให้ ดร.ภญ.มณฑกาญจน์ ธีรชัยสกุล หัวหน้าคณะวิจัยเกี่ยวกับสารบ่งชี้มะเร็งลดลง 47 คน มีหลักฐานการรับรองของแพทย์ ไม่ทราบว่าจะนำมารวมกับการแถลงค่ามะเร็งในหลอดแก้วหรือไม่ คนที่มาแถลงคืออธิบดีกรมการแพทย์ ที่ผมเห็นเอกสารในที่ประชุมไม่มีชื่อรองณรงค์ ไม่ทราบว่าแถลงครบหรือเอาข้อมูลมารอบด้านหรือไม่”

       นอกจากนี้นายวิชาญ ยังกล่าวอีกว่า กรณีที่เปรียบเทียบระหว่างสมุนไพรหมอแสงกับสารเคมี หลายคนข้องใจว่าสารเคมีคืออะไร เท่าที่ทราบสารเคมีกับคีโมนำเข้าจากต่างประเทศ ในขณะนี้ประเทศไทยยังไม่ผลิต นำเข้ามาปีละ 150,000 ล้านบาท และกรมการแพทย์หรือองค์การเภสัชกรรมจะร่วมกับ ปตท.มาผลิตในเมืองไทยปี 2562 ก็ไม่ทราบว่าผู้ที่มีรายชื่อ หรือ ผู้เก่งกาจก่อนหน้านั้นทำไมไม่ผลิต

       “ทำไมต้องสั่งเข้ามา แต่ภูมิปัญญาของหมอแสงเป็นสมุนไพร เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน และคนมากินบอกว่าดี การันตีจากคนกินทั่วไป ภูมิปัญญาไทย สมุนไพรไทย ทีมวิจัยน่าจะมีคนมีความรู้ด้านต้นไม้ ด้านสมุนไพรว่าต้นไม้ อย่างนี้มีคุณสมบัติอย่างไร มีองค์ประกอบอย่างไร มีสารอะไรบ้าง ดูแล้วทีมวิจัยไม่มี มีแต่แพทย์ที่มีความรู้ด้านแพทย์สมัยใหม่ ทำให้การวิจัยระหว่างสมุนไพรกับเคมีไม่มีทางสู้กันได้”