ครึ่งประเทศไม่เคยรู้?? วิธีผ่อน บ้าน ให้หมดเร็ว จากประสบการณ์ตรง!! ประหยัดเงินไปหลายแสน เหลือเชื่อ เรื่องนี้ธนาคารไม่เคยบอก!! (รายละเอียด)

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

การผ่อนบ้านสำหรับคนไทยนั้นเป็นเรื่องคู่กันเลยก็ว่าได้ โดยได้มีกระทู้กระทู้หนึ่งขึ้นมาจากประสบการณ์ตรง ในการผ่อนบ้านที่ประหยัดเงินไปได้หลายแสนโดยเริ่มจาก...


• ผ่อนให้หมดไวคือ การที่คุณรู้จักขอลดดอกเบี้ย

• ได้เงินคืนบางส่วนคือ เงินประกันที่หลายต่อหลายคนถูกบังคับให้ทำตอนกู้ ซึ่งธนาคารมักจะชอบอ้างว่า จะได้อนุมัติให้ผ่านง่ายขึ้นถ้าทำประกัน

1.ปกติโดยส่วนมาก สัญญาที่ทำมักจะบอกว่า ห้ามปิด (โปะหนี้)ก่อน3 ปี คุณจึงสามารถใช้ช่องโหว่นี้มาขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารได้

• โดยการบอกว่า ขอลดดอกเบี้ย (หลังจากผ่อนครบ 3 ปี) ถ้าธนาคารตอบไม่ได้ ให้คุณมีแผนว่าจะรีไฟแนนท์ไปธนาคารอื่น (คุณจะให้ธนาคารอื่นมาโปะหนี้กับธนาคารเดิม แล้วคุณกลายไปเป็นหนี้ธนาคารอื่นแทน)

• เมื่อคุณบอกไปแบบนี้แล้วธนาคารก็จะพยายามรักษาลูกหนี้ไว้ โดยการรีเทนชั่นคือ ลดดอกเบี้ยให้นั่นเอง

วิธีการ

• ให้คุณไปติดต่อที่สาขาที่คุณกู้ เพื่อที่จะได้ทำการเจรจาขอลดดอกเบี้ย

• ถ้าคุณอยากได้เปรียบให้คุณพูดไปเลยว่า ขอลดดอกเบี้ยตรงๆไปเลย โดยจะต้องให้เหตุผลแค่ว่าคุณเป็นลูกค้าชั้นดี ไม่เคยมีประวัติชำระไม่ตรง และในตอนนี้ผ่อนมาครบ 3 ปีแล้ว จึงอยากจะขอลดดอกเบี้ย

• ถ้าหากไม่ได้ตั้งใจว่าจะรีไฟแนนท์ เนื่องจากไปเช็คดอกเบี้ย โฮมโลนสำหรับลูกค้าใหม่มาแล้ว 4-5 ธนาคาร แล้วดอกถูกกว่าที่จ่ายอยู่

• จากนั้นพนักงาน เขาอาจจะถามคุณว่าสนใจที่ไหนอยู่ คุณก็แกล้งเลือกบอกไปสัก 1 ธนาคาร ที่มีดอกต่ำที่สุดในกระดาษที่คุณจดมา

• ปล: คุณต้องเช็คแล้วเขียนใส่กระดาษว่า ดอกเบี้ยแต่ละธนาคารเท่าไหร่ 4-5 ที่ อย่างที่บอกจริงๆ คุณจะต้องเช็คไปจริงๆ

• เนื่องจาก มันจะทำให้คุณสามารถต่อรองได้มากขึ้นเพราะว่า ธนาคารจะรู้เรตของธนาคารอื่นอยู่แล้ว แต่แค่แกล้งถามให้รู้ว่าคุณเช็คมาจริงๆ

• หลังจากนั้นธนาคารจะออฟเฟอร์ดอกเบี้ยใหม่ให้คุณ ซึ่งก็ยังพูดมาในราคาที่แพงกว่าของธนาคารที่คุณแจ้งไปเล็กน้อย

• เนื่องจากเขารู้ว่า ถ้าคุณรีไฟแนนท์ คุณก็ต้องมีค่าใช้จ่าย และบางคนก็มองว่ายุ่งยาก ธนาคารจึงคิดว่า ดอกเบี้ยลดให้แล้ว แต่ยังแพงกว่าหน่อยลูกค้าส่วนใหญ่ก็โอเคถือว่าซื้อความสะดวก

• เมื่อคุณได้ดอกเบี้ยใหม่ คุณก็ถามเขาได้เลยว่า ดอกเบี้ยใหม่เริ่มคิดให้ตั้งแต่เดือนไหน (คุณสามารถไปติดต่อก่อนครบ 3 ปี ล่วงหน้าซัก 1-2 เดือนได้เลย)

• ปล: ดอกเบี้ยของธนาคารอื่น 4-5 ธนาคารที่ให้เช็คและจดไปว่าที่ไหนต่ำสุด ให้คุณทำการคำนวณว่า ในระยะเวลาอีก 3 ปีที่จะผ่อนข้างหน้าต่ำสุด ไม่ใช่ดูแค่ว่า 0% 3 เดือนแรก จากนั้น แพง ให้คุณลองคำนวณดูที่ 3 ปี
 

• เนื่องจาก หลังจากนั้นทุกๆ 3 ปี คุณก็จะใช้ช่องโหว่เดิมมาขอลดดอกเบี้ยได้อีก (จึงขอแนะนำให้ดูที่ 3 ปี)

• แต่ว่ายอดหนี้ของคุณจะต้องเกิน 1 ล้านบาทตอนไปขอลดดอกเบี้ย (ซึ่งแล้วแต่ธนาคาร คุณลองเช็คดูก่อน)

• บางธนาคารก็มีการดูท่าทีคุณ เพื่อที่จะประเมินว่าควรให้ดอกเบี้ยใหม่เท่าไหร่ ถ้าหากคุณไม่รู้อะไรเลยก็จะลดได้ไม่เยอะ

• ยกตัวอย่างในกรณีของเพื่อนเคยเจอแบบว่า พอพูดว่าจะรีไฟแนนท์ เขาเช็คดูว่าเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือไม่ จนเพื่อรต้องบอกว่า หนี้บัตรตั้งใจปิดก่อนรีไฟแนนท์อยู่แล้ว เนื่องจากรู้ว่าต้องใช้ในการพิจารณ์สินเชื่อบ้าน ยังไงก็จะปิดอยู่แล้ว เลยได้ลดดอกเบี้ยมา

• ถ้าหากเขารู้ว่าคุณไม่มีทางเลือกเป็นหนี้บัตรเครดิต อาจจะยากในการขอสินเชื่อจากธนาคารใหม่ ธนาคารก็อาจจะดึงเกมส์ โดยไม่ลดให้ หรือลดให้ไม่มาก เพราะรู้ว่าที่จริงแล้วคุณไม่มีทางเลือก

2. ได้รับเงินคืน เมื่อผ่อนหมด

• ถ้าหากในกรณีที่คุณโดนบังคับให้ทำประกันพร้อมกู้ซื้อบ้าน และคุณได้ทำสัญญากู้บ้าน

• ยกตัวอย่างเช่น ทำสัญญากู้บ้าน 30 ปี แต่คุณผ่อนจริง 17 ปีหมด คุณก็จะสามารถติดต่อขอเคลมเงินประกันคืนได้

• โดยให้คุณให้เหตุผลกับธนาคารว่า คุณได้คุ้มครองแค่ 17 ปี ที่เหลืออีก 13 ปีไม่ได้มีการคุ้มครอง เนื่องจากผ่อนบ้านหมดแล้ว

• ฉะนั้น คุณจึงขอเคลม 13 ปีที่ไม่ได้คุ้มครองคืนเป็นเงิน

• การขอเคลมคืนอาจจะได้มาไม่มาก ประมาณไม่กี่หมื่น คุณสามารถสอบถามธนาคารได้เลยว่าได้คืนเท่าไหร่ และธนาคารอาจจะยื่นข้อเสนอให้กับคุณว่า ถ้าไม่รับคืนก็จะคุ้มครองต่อ

• โดยส่วนมากการคุ้มครองมักจะเป็นการได้เงิน ถ้าหากคุณตาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะทำประกันแบบนี้ให้

• เนื่องจาก ธนาคารกลัวว่าคุณจะตายก่อนผ่อนบ้านหมด ซึ่งผู้ที่ได้ก็ไม่ใช่คุณ แต่เป็นผู้รับประโยชน์ในสัญญากรมธรรม์

• ซึ่งถ้าหากคุณให้เขาคุ้มครองต่อ คุณก็ควรจะแจ้งชื่อผู้รับผลประโยชน์ใหม่

• เนื่องจาก ผู้รับประโยชน์เก่าในกรรมธรรม์ก่อนที่คุณจะปิดบ้านหมดคือ ธนาคาร

• ฉะนั้น คุณลองชั่งน้ำหนักดูว่า คุณจะเคลมเอาเงินคืน หรือให้ธนาคารคุ้มครองต่อไป