- 17 เม.ย. 2563
ผู้ช่วย ผบ.ตร. เจาะลึกราชกิจจาฯ ห้ามรถบรรทุก วิ่งในเขตกรุงเทพ
วันที่ 17 เมษายน 2563 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจยืนยันรถทุกประเภทสามารถวิ่งได้ตั้งแต่ 4 นาฬิกา ถึง 22 นาฬิกา โดยไม่มีข้อกำหนดเรื่องติดเวลา ซึ่งจะมีผลไปถึงวันที่ 30 เมษายนนี้ ส่วนการดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน มีการเอาผิดกับคนที่มั่วสุมในบ้านคืนเดียว 109 คน
จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศ " ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการห้ามรถบรรทุก 4 ล้อ , 6 ล้อ และ 10 ล้อขึ้นไป เดินในเขตกรุงเทพมหานคร ในช่วงเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากมีการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 " ซึ่งลงนามโดยพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พลตำรวจโทดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ใจความสำคัญของประกาศฉบับนี้ คือการอนุโลมให้รถทุกประเภทสามารถวิ่งได้ตั้งแต่เวลา 4 นาฬิกา ถึง 22 นาฬิกา ส่วนรถบรรทุกสินค้าอุปโภคบริโภค สามารถวิ่งได้ 24 ชั่วโมง ตามที่ได้รับอนุญาตไปก่อนหน้านี้ โดยประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ไปถึง 30 เมษายน จึงจะมีการพิจารณาใหม่อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามในการประกาศยังมีข้อห้ามรถบรรทุกจอด 2 ฝั่งถนนตามข้อบังคับเดิม
ส่วนการบริหารการจราจรในแต่ละจังหวัด ยังให้แต่ละพื้นที่พิจารณา เช่น หากพบจุดใดมีการจราจรติดขัดสะสม ก็สามารถขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการ ในการปรับเวลาในการเดินรถ เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการดำเนินการทางธุรกิจ และขอให้หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางที่มีการก่อสร้างถนน , เส้นทางรถไฟฟ้า ส่วนรถที่ได้รับการยกเว้นให้วิ่งในช่วงเวลาเคอฟิว ก็ต้องมีเอกสารรับรองจากเจ้าของกิจการ เอกสารประจำตัวคนขับ เมื่อต้องขับผ่านด่านตรวจด้วย
ขณะที่พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจ ระบุว่า เรื่องการตั้งด่านเคอฟิวทั่วประเทศ ปัจจุบันมีการตั้งด่านตรวจ 998 จุดทั่วประเทศ ซึ่งผลการจับกุมผู้ฝ่าฝืนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีการจับกุมไปมากกว่า 7,000 ราย แต่ยืนยันว่ามีแนวโน้มการจับกุมลดลงทุกวัน ส่วนการดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน
เมื่อคืนนี้ มีการดำเนินคดี 929 คน แบ่งเป็นผู้ออกนอกเคหสถาน 820 คน มีการตักเตือนไป 172 คน ส่วนที่เหลือ 642 คน ถูกดำเนินคดี อีกกลุ่มหนึ่งเป็นประชาชนมั่วสุมในเคหสถาน ซึ่งมีการดำเนินคดีไป 109 คน ซึ่งตัวเลขนนี้สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังไม่เข้าใจเจตนารมย์ในการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรค ที่ต้องการให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทาง ไปทำกิจกรรม พบปะสังสรรค์ ให้เน้นการอยู่ในที่พักเป็น
นอกจากนี้นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ยังพบมีสถานประกอบการฝ่าฝืนคำสั่งถูกดำเนินคดี รวม 62 ราย ร่วม 300 คน ในจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพและปริมณฑล , เชียงใหม่ , ภูเก็ต , เกาะสมุย อย่างล่าสุดเช่นมีการดำเนินคดีกับนักท่องเที่ยวและเจ้าของกิจการที่ทำกิจกรรมมั่วสุมในโรงแรมที่จังหวัดเชียงราย และที่เกาะสมุย
อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีที่ต้องมีการเดินทางออกนอกเคหะสถานในช่วงที่มีการประกาศเคอฟิว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำแบบฟอร์มกลาง เพื่อเป็นแนวทางในการออกหนังสือรับรองให้กับผู้ที่มีความจำเป็นต้องเดินทาง ตามที่ได้รับการยกเว้นในประกาศ พรก.ฉุกเฉิน อาทิ แพทย์ , พยาบาล , สื่อมวลชน , พนักงานที่เข้ากะกลางคืน ซึ่งหากต้องผ่านด่านตรวจก็ต้องมีเอกสารรับรอง รวมถึงบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อยืนยันตัวบุคคล และหากเป็นกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็น ก็จะพิจารณาอนุญาตเป็นรายกรณีไป