- 06 ส.ค. 2565
ลุงวัย 70 ปีร้องทนายรัชพล ศิริสาคร หลังถูกนางแบบสาว หลอกชวนลงทุนทรนด์เหรียญ สูญเงินเก็บทั้งชีวิต 4.8 ล้านบาท ...
นายสมชาย (นามสมมุติ) อายุ 70 ปี ได้ติดต่อทนายรัชพล ศิริสาคร เพื่อขอคำปรึกษาในคดีที่ถูกมิจฉาชีพนำรูปนางแบบมาสวมรอยในบัญชีเฟสบุ๊คและไลน์เพื่อหลอกให้โอนเงินไปเทรนด์เหรียญคริปโตจนสูญเงินเก็บที่มีทั้งชีวิตไปหมดกับการหลงเชื่อมิจฉาชีพรายนี้ เป็นเงินจำนวน 4,898,000 บาทโดยมีหลักฐานเป็นข้อความแชทการพูดคุยเรื่องการลงทุนและหลักฐานสลิปการโอนเงินเป็นหลักฐาน โดยได้เข้าแจ้งความดำเนินไว้ที่ สภ.เมืองนนทบุรี
โดยนายสมชายเปิดเผยว่า เมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย.65 ตนได้ถูกหญิงสาวรายหนึ่งทักมาหาทางข้อความในเฟสบุ๊คโดยรูปโปรไฟล์เป็นรูปหญิงสาวหน้าตาเหมือนหน้าแบบลูกครึ่ง ก่อนหญิงสาวรายนี้จะขอเปลี่ยนการพูดคุยจากข้อความในเฟสบุ๊คมาเป็นไอดีไลน์แทน จากนั้นมาหญิงสาวรายนี้ก็ทักไลน์มาหาตนเข้า กลางวัน เย็น รวมทั้งกลางคืนเพื่อชวนคุยเรื่องทั่วไป บางครั้งก็เริ่มเรียกตนว่าที่รักเป็นประจำ จนเริ่มสนิทสนมกันในระดับหนึ่งจากนั้นหญิงสาวรายนี้ก็เริ่มชวนตนพูดคุยถึงเรื่องการงานและการลงทุนเทรนด์เหรียญคริปโตเพื่อเก็งกำไร ซึ่งตัวเขาเป็นนักธุรกิจหญิงในพื้นที่ จ.เชียงใหม่
นายสมชายเผยว่า จากนั้นหญิงสาวรายนี้ได้ให้ตนเข้าโหลดแอปพลิเคชั่นเกี่ยวกับการเทรนด์เหรียญจากแอปสโตร์มาติดตั้งในมือถือ โดยได้สอนให้ตนลงทุนหัดเทรดเหรียญ แต่มีข้อตกลงกันว่าถ้าได้กำไรจากการเทรนด์มาจะต้องนำมาแบ่งกันคนละครึ่ง ซึ่งเมื่อตนโหลดแอปมาติดตั้งเรียบร้อยแล้วหญิงสาวรายนี้ได้ให้ตนติดตั้งแอพเพิ่มอีกตัวหนึ่งโดยอ้างว่าเป็นแอพที่ติดตั้งไว้เพื่อดูยอดเงินและกำไรในการเทรนด์ ด้วยความที่ตนหลงเชื่อใจในวันที่ 3 ก.ค. จึงทดลองโอนเงินไปเล่นครั้งแรกเป็นเงินจำนวน 18,000 บาท และได้กำไรกลับมา 20% ซึ่งยอดเงินในแอพก็เพิ่มขึ้น ตนเห็นว่าได้กำไรดีประกอบกับหญิงสาวมาชักชวนให้ตนลงทุนซื้อเหรียญเพิ่ม ตนจึงได้โอนเงินไปซื้อเหรียญเพิ่มอีก เป็นเงินจำนวน 330,000 บาทตามที่หญิงสาวชักชวน แต่เป็นชื่ออีกบัญชีหนึ่ง ซึ่งเมื่อตนสอบถามหญิงสาวก็ให้เหตุผลว่าเขาเองมีเหรียญไม่พอต้องซื้อจากคนอื่นมาเพิ่มอีกทอดหนึ่ง จากนั้นยอดเงินในแอพที่ตนลงทุนไปก็มีกำไรเพิ่มขึ้นอีก ต่อมามีเงินโอนเข้าในบัญชีตนจำนวน 17,000 บาท ซึ่ง หญิงสาวบอกว่าเป็นในส่วนของกำไรที่แบ่งกันก็ยิ่งทำให้ตนเชื่อใจเพิ่มขึ้น จากนั้นหญิงสาวก็ได้โทรมาชักชวนให้ตนลงทุนเพิ่มอีก โดยอ้างว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังทำกำไรได้ดี ต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ และหากได้กำไรครบตามเป้าที่ตั้งเอาไว้แล้วก็จะถอนเงินทั้งหมดออกมาแบ่งกันคนละครึ่ง ทำให้หลงเชื่อโอนเงินเข้าไปซื้อเหรียญเพิ่มอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 150,000 บาท เป็นเงิน 300,000 บาท
และหลังจากตนลงทุนเพิ่มในครั่งหลังไปอีก 3 แสนบาท ปรากฎว่าได้กำไรกลับมาถึง 50 % โดยยอดเงินในแอพเพิ่มขึ้นไปถึง 14 ล้านบาท ตนเองจึงคิดว่าได้กำไรขนาดนี้แล้วควรจะหยุดเล่นแต่กลับถูกหญิงสาวรายนี้หว่านล้อมหลอกล่อให้ลงทุนเพิ่มอีกเนื่องจากยอดกำไรยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ ทำให้ตนชักเริ่มเอ๊ะใจไม่ลงทุนเพิ่มตนลงทุนและหยุดเทรนด์ไปหลายวัน แต่หญิงสาวรายนี้ก็พยายามทักแชทและไลน์มาคุยตลอดเวลาโดยพยายามโน้มน้าวให้ตนลงทุนอีกครั้งเพื่อทำยอดกำไรให้ได้เพิ่มตามเป้าแล้วจะหยุด โอนเงินทันที จนกระทั่งวันที่ 6 ก.ค. ตนจึงได้โอนเงินเพิ่มเข้าไปอีกจำนวน 1 ล้านบาท และโอนเพิ่มอีกครั้งเป็นเงินจำนวน 550,000 บาท ปรากฎยอดเงินในแอปเพิ่มสูงขึ้นเป็นเงินถึง 28 ล้านบาท ทำให้ตนต้องการถอนเงินออกและหยุดเล่น แต่หญิงสาวรายนี้ยังได้พยายามชักชวนตนให้นำเงินมาลงทุนต่อโดยบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงทีเหรียญกำลังมีกำไรสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ตนเห็นว่ายอดเงินและกำไรสูงมากแล้วจึงขอหยุด แต่ถูกหญิงสาวอ้างว่าขอทำเป้าให้ถึง 50 ล้านแล้วจะหยุด ขอให้ตนลงทุนเพิ่มอีก ตนทนหญิงสาวรบเร้าไม่ไหวจึงตัดสินใจโอนเงินอีกครั้งในวันที่ 8 ก.ค. เป็นเงินจำนวน 1.2 ล้านบาท และวันที่ 13 ก.ค. จำนวน 1 ล้านบาท และวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายอีกจำนวน 5 แสนบาท รวมยอเโอน 9 ครั้งเป็นเงิน 4,898,000 บาท
นายสมชาย กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นต่อมายอดเงินในแอพซึ่งตนมาคิดได้ในภายหลังว่าน่าจะเป็นแอพปลอมที่ถูดหลอกให้ติดตั้งมียอดเงินขึ้นไปถึง 50 ล้านบาท ตนจึงรีบแจ้งให้หญิงสาวหยุดเทรนด์และให้ถอนเงินออกมาแบ่งกันได้แล้ว แต่หญิงสาวแจ้งกับตนมาว่า ทางแอพจะอนุมัติให้ถอนเงินออกได้ครั้งละ 5 แสนเหรียญ คือประมาณ 14 ล้านบาท ตนจึงตอบตกลงแต่เมื่อดำเนินการถอนแอพมีข้อความเแจ้งมาว่าให้ชำระภาษีเงินได้จากกำไรทั้งหมดก่อนจำนวน 20% จึงจะสามารถถอนเงินออกมาได้ ซึ่งเมื่อตนนำยอดกำไรทั้งหมดมาคำนวนจ่ายภาษีดู ก็พบว่าจะต้องจ่ายค่าภาษีถึงจำนวน 8 ล้านบาทถึงจะถอนเงินจำนวน 50 ล้านบาทออกมาได้ ตนจึงให้หญิงสาวแจ้งกับทางแอพไปว่าให้หักเงินภาษีออกจากยอดเงิน 50 ล้านแทนได้เลย แต่หญิงสาวบอกว่าทำไม่ได้ ทางแอพไม่ยินยอมต้องหาเงินจำนวน 8 ล้านบาทมาจ่ายภาษีก่อนเท่านั้น
ซึ่งตนก็หมดเงินเก็บที่มีทั้งหมดไปแล้ว แต่กลับถูกหญิงสาวรายนี้ให้ไปจำนองบ้านหรือกู้ยืมเงินนอกระบบมาจ่ายค่าภาษีที่ค้างอยู่ จึงทำให้ตนเริ่มสงสัยเกี่ยวกับการหลอกลงทุนเทรนด์เหรียญ จึงได้ลองหาข้อมูลในโซเชียลพบว่ามีกลโกงแบบนี้เป็นจำนวนมาก จากนั้นเมื่อหญิงสาวรายนี้เห็นว่าตนคงไม่สามารถหาเงินอีกจำนวน 8 ล้านบาทมาได้ จึงบล็อกการติดต่อตนทุกช่องทาง ตนจึงได้ตัดสินใจไปเข้าแจ้งความในเบื้องต้น แต่คดีไม่คืบ จึงได้ติดต่อมาปรึกษาและให้ทนายรัชพลช่วย
ด้านทนายรัชพลระบุว่า เบื้องต้นจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนกันให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ส่วนความผิดมีฉ้อโกงพ.ร.บคอมพิวเตอร์ ตัดต่อรูปคนอื่นมาใส่นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยตั้งแต่ลุงแจ้งความวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมาคดียังไม่มีความคืบหน้าตนเลยจะเข้าไปติดตามคดีนี้ให้ พร้อมกับคนที่ก่อนหน้านี้ถูกคุณลุงแจ้งความเพราะเป็นเจ้าของบัญชีที่มีการติดต่อโอนเงิน แต่เบื้องต้นทราบมาว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันยังไม่สามารถติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ในส่วนของพรบ.คอมพิวเตอร์นั้นจะต้องมีการยืนยันตัวตนและต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline