- 19 พ.ค. 2562
หลายคนเคยสงสัยว่าการ "อดอาหารเย็น" ส่งผลเสียหรือดีต่อสุขภาพ เพราะมื้อเช้าใครๆย่อมรู้กันดีว่าเป็นมื้อที่สำคัญ มื้อกลางวัน
หลายคนเคยสงสัยว่าการ "อดอาหารเย็น" ส่งผลเสียหรือดีต่อสุขภาพ เพราะมื้อเช้าใครๆย่อมรู้กันดีว่าเป็นมื้อที่สำคัญ มื้อกลางวันจะให้อดก็ไม่ได้ เพราะงานที่ต้องทำระหว่างวันก็เล่นเอาใช้พลังงานจากมื้อเช้าไปแทบเกลี้ยง เวลากินก็จะต้องรีบกินรีบกลับไปทำงาน ดังนั้นมื้อที่จะละเลียนหรือกินให้เอร็ดอร่อยได้ก็คงหนีไม่พ้นมื้อเย็น ที่ใครๆก็รู้กันดีกว่าอาจเป็นมื้อที่ทำให้อ้วนได้ง่ายที่สุด
ทำอย่างไรจึงจะ "ไม่แก่ ไม่อ้วนและอายุยืน"
คำตอบคือ. "กินสายกลาง "
กินสายกลางคือ กินมื้อเช้าและมื้อเที่ยง งดมื้อเย็น
เปรียบตัวเราเป็นรถยนต์ ตื่นเช้ามาต้องเติมน้ำมันก่อน หรือกินมื้อเช้า รถจึงจะวิ่งได้ ถึงเที่ยงน้ำมันยังไม่หมด เติมอีกครั้ง ถึงเย็นก่อนนอนก็ยังไม่หมดพิสูจน์ได้ดังนี้
สมมุติกินไข่ลวก 1 ฟองโตๆ มีไข่แดงหนัก 50 กรัม ในไข่แดงมีคลอเลสเตอรอล 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี่ ฉะนั้น 50 กรัม ให้พลังงาน 450 แคลอรี่ จะต้องออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานนี้ โดยขี่จักรยานตั้งแรงต้านไว้ 1.3 ก . ก . ความเร็วที่ปั่นบันไดจักรยาน 60 รอบต่อนาที ขี่อยู่นาน 60 นาที จะเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลท่วมตัว แต่ใช้พลังงานไปเพียง 300 แคลอรี่ ไข่ใบเดียวยังใช้ไม่หมด!!
ฉะนั้นถ้า กินมื้อเช้า มื้อเที่ยง จนถึงเย็น พลังงานยังเหลือแน่นอน ไม่จำเป็นต้องไปเติมอีก เพราะเวลานอนร่างกายจะนำพลังงานที่เหลือใช้ไปเก็บในที่ต่างๆ โดยตับเป็นผู้ทำงานนี้ ถ้าพลังงานเหลือมาก การเอาไปเก็บในที่ต่างๆก็มาก ทำให้อ้วน และแน่นอนถ้าเก็บไม่หมดโดยเฉพาะพวกไขมันตัวโตๆ จะต้องค้างอยู่ในหลอดเลือด ถ้าค้างสะสมมากเท่าใด รูหลอดเลือดก็จะเล็กลงทุกวัน เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้น้อยลง อวัยวะทั้งหลายก็จะเสื่อมสภาพเร็วขึ้นหรือแก่เร็วขึ้น ถ้าวันไหนอุดตัน เช่นถ้าตันที่สมอง จะกลายเป็นคนพิการอัมพาตครึ่งซีก ถ้าอุดตันที่ไต ต้องล้างไต เปลี่ยนไต ถ้าตันที่ขา อาจต้องตัดขาทิ้ง ถ้าตันที่กล้ามเนื้อหัวใจ ก็จะไม่มีโอกาสได้สั่งลาใคร
ฉะนั้น
การกินมื้อเย็นจึงเป็นมื้อที่เร่งกระบวนการ"เสื่อมของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย "ร่ายกายต้องใช้พลังงานอย่างหนักในการเผาผลาญอาหาร"
ยิ่งกินมื้อเย็นในปริมาณที่เยอะ ก็ยิ่งเร่งการเสียชีวิตให้เร็วขึ้นไปอีก "มื้อเย็น"จึงเป็นมื้ออันตราย เป็นมื้อตายผ่อนส่ง
ฉะนั้น จึงหมายความว่าการกินมื้อเย็นมาก ยิ่งผ่อนส่งมาก ตายเร็ว ถ้าไม่กินมื้อเย็น ก็จะแก่ช้า เสื่อมช้า อายุยืน
การไม่กินอาหารมื้อเย็นเป็นเรื่องที่ต้องเอาชนะใจตัวเองอย่างมาก
ถ้าใครทำได้จะตัดทั้งกิเลส สุขภาพดี อายุยืน และมีสมาธิดี ความมุ่งมั่นสูง ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจ
แต่ท่าน ต้องฝึกกระเพาะให้เกิดความเคยชิน
วิธีฝึกมี 4 วิธี
1. ค่อยๆลดปริมาณอาหารมื้อเย็น ทีละน้อยๆเช่นลดกินข้าวจาก 2 จาน เหลือ 1 1/2 จาน สัก 3-4 เดือน โดยมีข้อแม้ว่า หลังอาหารเย็นแล้วห้ามกินอาหารใดๆทั้งนั้นยกเว้นน้ำเปล่า พอกระเพาะชินแล้วลดเหลือ 1 จาน ต่อไปครึ่งจาน ต่อไปไม่กินข้าวเลยกินแต่กับ ต่อไปกินผักผลไม้ สุดท้ายงดอาหารเย็น
2. ร่นเวลากินอาหารเย็น เช่นจาก 2 ทุ่มมากิน 1 ทุ่ม ต่อไปเลื่อนเป็น 6 โมงเย็น 5 โมงเย็น 4 โมงเย็น 3 โมงเย็น ฯ
3. กินเม็ดแมงลักแทนมื้อเย็น ใช้เม็ดแมงลัก 2 ช้อนโต๊ะใส่ในถ้วยน้ำแกงหรือน้ำเปล่าคนแล้วดื่มทันที ดื่มน้ำตามอีก 4-5 แก้ว
4. กินมังสะวิรัตมื้อเย็น การกินผักผลไม้ถือว่าเป็นอาหารไม่มีพิษ ร่างกายจะได้พักไม่ต้องทำลายพิษของอาหารเนื้อสัตว์ พิษที่สะสมไว้ก่อนก็จะถูกตับ ไต กำจัดหมดไปเองได้ ร่างกายมีเวลาถึง 18 ช.ม. กำจัดพิษที่ติดมากับมื้อเช้า มื้อเที่ยงได้ทัน ฉะนั้นการไม่กินอาหารเย็นจึงเป็นเวลาที่ตับ ไต จะสามารถกำจัดสารพิษจากอาหารมื้อเช้าและเที่ยงได้หมด ร่างกายจึงบริสุทธิ์ทุกวัน
สำหรับใครที่ยังไม่สามารถอดทานข้าวเย็นได้ ลองค่อยๆลดปริมาณอาหารลดทีละน้อย หรือเลือกทานเฉพาะอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ งดของหวาน ของมันและอาหารจำพวกแป้ง เพื่อลดการสะสมของพลังงานส่วนเกิน อะไรที่มันมากไปหรือน้อยไปย่อมไม่ดีทั้งนั้น ทางที่ดี จะกินจะดื่มอะไรก็ขอให้ทำแต่ "พอดี" และอยู่บน "ทางสายกลาง"